บุกช่วย7สาวไทยถูกหลอกค้ากามแอฟริกาใต้
สาวไทยร้องปวีณา ถูกนายหน้า ลวงไปค้าประเวณีที่แอฟริกา ก่อนแจ้งสถานทูตตามไปช่วยมาได้ 7 คน
(19ธ.ค.) เวลา 15.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม เวลาประมาณ 13.00 น. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ใช้โทรศัพท์มือถือส่วนตัวโทรทางไกลจากประเทศแอฟริกาใต้ มาที่ "มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี" เพื่อขอความช่วยเหลือ
เนื่องจากถูกหลอกว่าจะให้ไปทำงานเกี่ยวกับสปา ที่ประเทศแอฟริกาใต้ แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ
โดย น.ส.เอ ยังบอกอีกว่า เมื่อตนไปถึงประเทศแอฟริการใต้ ก็ได้พบกับหญิงไทยอีก 6 คน ที่ถูกหลอกไปเหมือนกัน และขณะนี้ตนกับเพื่อนกำลังจะถูกขายต่อไปที่อื่น จึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์ทางไกล มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา
ทั้งนี้ เมื่อทางเรารับทราบเรื่องดังกล่าว ตนเองจึงได้โทรศัพท์ประสานกับ นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล นักการทูตชำนาญการ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อทางสถานทูตไทยประจำประเทศแอฟริกาใต้
โดยนายฉัตรชัย ได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกับเลขานุการเอก และเลขานุการโท ของเอกอัครราชทูตไทย จากนั้นตนเอง จึงได้โทรศัพท์ประสานไปยัง นายกุฏาธาร นาควิโรจน์ เลขานุการเอกและนายอิสระ ปัทมะมุคนธ์ เลขานุการโท และทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศแอฟริกา ได้ประสานต่อไปยังตำรวจสากลเพื่อเข้าช่วยเหลือ น.ส.เอ และหญิงไทยอีก 6 คน
นางปวีณา กล่าวต่อว่า การทำงานดังกล่าวนั้นโดย นายอิสระ ได้รับขับรถจากสถานทูต ไปยังสถานที่ที่หญิงไทยถูกกักขังทันที แต่ตำรวจต้องใช้เวลาในการค้นหาเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง เนื่องจาก น.ส.เอ และหญิงไทยทั้งหมด 6 คน ที่ถูกกังขังอยู่ และไม่รู้เลขที่อยู่ของอาคาร รู้เพียงแค่ถนนที่ตั้งเท่านั้น
การค้นหาเพื่อช่วยเหลือจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก และในที่สุดเวลา 23.30 น.ของคืนวันที่ 18 ธันวาคม นายอิสระ ได้โทรศัพท์มาแจ้งทางมูลนิธิฯ ว่า ตำรวจสามารถเข้าช่วยเหลือหญิงไทยทั้ง 7 คน ออกมาได้อย่างปลอดภัย
โดย น.ส.เอ ได้ขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือตนให้รอดพ้นจากขุมนรกดังกล่าว และ กำลังจะได้รับการช่วยเหลือในการเดินทางกลับมาประเทศไทยในเร็วๆนี้ และจะได้ทำการแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามตัวผู้ที่ทำการล่อลวงไปทำงานในครั้งนี้มาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ได้ฝากเตือนหญิงไทยที่คิดจะไปทำงานต่างประเทศว่า ขณะนี้ทางมูลนิธิฯ ได้รับการร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากหญิงไทยที่ตกอยู่ในสภาพดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทั้งประเทศตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) ประเทศแอฟริกาใต้ และ ประเทศมาเลเซีย
โดยการให้ความช่วยเหลือหญิงไทยดังกล่าวเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก เพราะบางครั้งก็ไม่ทราบที่อยู่ ถนนหรือแม้กระทั้งเมืองที่อยู่ จึงต้องใช้เวลาในการประสานงาน และตรวจค้นเพื่อให้ความช่วยเหลือนำหญิงไทยกลับมา
จึงอยากเตือนผู้หญิงไทยทุกคน ที่มีความคิดอยากจะไปทำงานต่างประเทศ ขอให้ตรวจสอบและไตร่ตรองให้ดี เพราะการไปทำงานต่างประเทศไม่สบายหรือได้เงินมากมายอย่างที่คิด นอกจากนี้ขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และได้ให้ความช่วยเหลือย่างรวดเร็ว