โมร็อกโกรับมือคนลอบข้ามไปยุโรป ย้ำแนวทางจัดการยึดสิทธิมนุษยชน
กระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก เผยถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้อพยพที่พยายามลอบข้ามด่านตรวจไปยังเมืองเมลียาเมื่อช่วงที่ผ่านมาของสัปดาห์นี้ ว่าเกิดขึ้นจากเครือข่ายมาเฟียข้ามชาติและขบวนการค้ามนุษย์
เมื่อวันอาทิตย์ (26 มิ.ย.) มีการรายงานว่ามีกลุ่มผู้อพยพกว่า 500 คนพยายามข้ามรั้วด่านตรวจจากเมืองนาดอร์ ไปยังเมืองเมลียา โดยมีการใช้คีมตัดเหล็กตัดรั้วเข้าไป และมีผู้ผ่านแดนสำเร็จอย่างน้อย 130 คน แต่ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ซึ่งทางการโมร็อกโกเผยว่ามีผู้เสียชีวิตไปถึง 23 คน และมีการนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว
"ราชอาณาจักรโมร็อกโกเสียใจต่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองนาดอร์ และขอประกาศว่าความรุนแรงนี้เกิดขึ้นโดยเครือข่ายมาเฟียข้ามชาติที่จัดตั้งขึ้นเป็นขบวนการและมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการค้ามนุษย์ ด้วยการนำผู้อพยพจากนอกโมร็อกโกเข้ามา" กระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก ระบุ
กระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก เผยอีกว่า ที่ผ่านมาโมร็อกโกทำตามคำมั่นสัญญาด้านอพยพย้ายถิ่นและลี้ภัยและการเคารพต่อสิทธิมนุษยชนที่ให้ไว้กับนานาชาติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ยังย้ำว่า โมร็อกโก ภายใต้การนำของพระบาทสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 ก็ยืนยันว่าโมร็อกโกจะเป็นประเทศที่โอบรับผู้คนโดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและมีความรับผิดชอบต่อผู้ลี้ภัย
กระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก เผยว่า พระบาทสมเด็จพระราชาธิบดียังทรงสนับสนุนความร่วมมือต่างๆ ในระดับภูมิภาคที่จะสร้างความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งขณะนี้มีผู้อพยพจากประเทศตอนใต้ของทะเลทรายสะฮาราหลายหมื่นคนมาอาศัยและรับการศึกษาในโมร็อกโก โดยได้รับสิทธิประโยชน์จากบริการสาธารณต่างๆ ทัดเทียมกับพลเมืองโมร็อกโก
ด้านนายเปโดร ซานเชธ นายกรัฐมนตรีสเปน ก็สนับสนุนแนวทางดังกล่าวในการบริหารจัดการการอพยพและลี้ภัยของโมร็อกโกอย่างมากเช่นกัน