จับโป๊ะ สาวปลอมใบมรณบัตรอ้างผัวตาย ผู้ใหญ่บ้าน สุดงง เจอคนตายขี่รถผ่าน
สาวปลอมใบมรณบัตรอ้างผัวตาย เชื่อหวังเบิกเงินฌาปนกิจศพ รวมกว่า 2 แสนบาท ผู้ใหญ่บ้านเผยเห็นฝ่ายชายขี่จยย.ผ่าน ทั้งที่เมียแจ้งตาย
จากกรณี นายศิวะ ธมิกานนท์ นายอำเภอสันทราย ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.แม่แฝก ขอให้ตรวจสอบใบมรณบัตรที่สมาชิกกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์หลายแห่งได้รับมาทางกลุ่มไลน์ ซึ่งสมาชิกรายหนึ่งชื่อนางบัว (นามสมมุติ) ระบุว่า สามีของเธอชื่อ นายนิกร (นามสมมุติ) ได้เสียชีวิตลง และได้ส่งใบมรณบัตรขอเบิกเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ผ่านทางไลน์
แต่จากการสังเกตเบื้องต้นใบมรณบัตรฉบับนี้ภาพค่อนข้างเบลอ ทางชาวบ้านจึงส่งให้ที่ว่าการอำเภอสันทรายตรวจสอบ ว่านายนิกรได้เสียชีวิตจริงหรือไม่ ต่อมานายอำเภอสันทรายได้มอบหมายให้นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ล่าสุด วันนี้ (2 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย พร้อมด้วยตำรวจ สภ.แม่แฝก ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านของนางสุพัตรา กองสถาน ผู้ใหญ่บ้านร่มหลวง ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โดยมี นายจิรเดช สุริยา ผู้ใหญ่บ้านพระธาตุ ต.แม่แฝก อ.สันทราย นายประหยัด ปาวิน ผู้ใหญ่บ้านร่มโพธิ์ทอง ต.แม่แฝก อ.สันทราย และ นายวันชัย ไลย์ นายกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์บ้านร่มหลวง ต.แม่แฝก อ.สันทราย ร่วมให้ข้อมูล
นายบุญฤทธิ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ไม่พบการแจ้งตาย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าใบมรณบัตรที่ส่งทางไลน์ผู้ที่ส่งอาจตั้งใจถ่ายรูปแบบภาพไม่ชัด เนื่องจากต้องการปกปิดข้อความบางจุด
นอกจากนี้ ยังพบพิรุธหลายจุด เช่น ข้อความระบุว่าเสียชีวิตที่ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี แต่กลับระบุว่าออกโดยสำนักทะเบียน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งในความเป็นจริงน่าจะระบุว่าออกโดยสำนักทะเบียนเทศบาลบ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี และยังไม่ระบุวันที่แจ้งตาย ไม่มีลายเซ็นเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้ง เป็นต้น จึงเชื่อว่าใบมรณบัตรฉบับนี้ปลอมอย่างแน่นอน
จากการสอบถามผู้นำชุมชนทั้ง 3 หมู่บ้านรวมถึง นายกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์บ้านร่มหลวง พบว่า ชื่อที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ 3 แห่ง โดยระบุชื่อนางบัวและบุตรเป็นผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งหากมีการอนุมัติการเบิกจ่ายจะมียอดเงินประมาณ 2 แสนบาท เชื่อว่ามีการปลอมแปลงเพื่อหวังเงินปันผลจากกลุ่มฌาปนกิจ ทั้ง 3 แห่ง
ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบว่ามีการส่งใบมรณบัตรปลอมฉบับนี้ ว่ามีการขอเบิกจ่ายเงินปันผลจากกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์กลุ่มอื่นหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ
ด้าน นายวันชัย ไลย์ นายกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์บ้านร่มหลวง เปิดเผยว่า ประมาณสิบวันก่อน ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สมาคมฌาปนกิจฯ ว่าได้รับใบมรณบัตรฉบับนี้จากสมาชิกรายหนึ่ง ในกลุ่มไลน์ ทำให้เจ้าหน้าที่ออกเก็บเงินจากสมาชิกตามบ้านบางส่วนไปแล้ว แต่หลังจากทราบเรื่องจึงได้สั่งให้ระงับเก็บเงินและทยอยคืนเงินให้สมาชิกกลุ่มบางส่วนไปแล้ว
นายวันชัย บอกว่า ก่อนหน้านี้ทางสมาคมได้อนุโลมให้สมาชิกบางส่วน ที่อาจจะไปทำงานอยู่ต่างถิ่นส่งเอกสารการตายของสมาชิกทางกลุ่มไลน์ เพื่อประหยัดเวลาในการดำเนินการเบิกเงินที่ทางสมาคมฯ ได้เตรียมเงินสดไว้ เนื่องจากสมาชิกอาจจะมีความจำเป็นในการขอเบิกจ่ายเงิน เพื่อนำไปใช้จ่ายในการพิธีทำบุญศพ
หลังจากนี้ได้วางมาตรการใหม่ หากสมาชิกที่อยู่ในหมู่บ้านให้นำเอกสารฉบับจริงที่มามอบให้กับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ส่วนสมาชิกที่อยู่ต่างถิ่นให้อนุโลมส่งเอกสารฉบับจริงทางกลุ่มไลน์ได้ แต่ต้องเป็นรูปภาพที่ชัดเจน และมีหลักฐานอื่นเช่นรูปที่จัดงานศพ ซึ่งอาจจะทำให้การเบิกจ่ายเงินล่าช้าลงไปอีก
ขณะที่ ปลัดอำเภอสันทราย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของนายกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์บ้านร่มหลวงที่ระบุว่าได้มีการเก็บเงินจากสมาชิกบางส่วนไปแล้ว และได้มีการคืนเงินให้สมาชิกกลุ่มบางส่วน ซึ่งถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ทำให้เกิดความเสียหายกับกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ 3 แห่ง รวมถึงสมาชิกกลุ่มฯ ที่จ่ายเงินไปแล้ว
และนายนิกรที่ถูกใช้ชื่อแอบอ้างในใบมรณบัตรปลอม สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.แม่แฝก ต่อไป
ขณะที่ นายประหยัด ปาวิน ผู้ใหญ่บ้านร่มโพธิทอง ต.แม่แฝก เปิดเผยว่า หลังจากทราบข้อมูลว่าญาติได้มีการแจ้งตายให้กับนายนิกร ขณะนั้นตนกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปเปิดประตูให้หอประชุมในหมู่บ้านเพื่อนัดตรวจสุขภาพชาวบ้าน ขณะนั้นได้เห็นนายนิกรสวมหมวกกันน็อกขี่รถมอเตอร์ไซค์สวนมาและมุ่งหน้าไปทางถนนใหญ่ ตอนนั้นตนก็ยังงงๆ อยู่ว่าจู่ๆ คนตายมาขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้อย่างไร แต่ก็ไม่ทันได้สอบถามนายนิกร
ต่อมาปลัดอำเภอสันทรายได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านของนางบัวและนายนิกร ที่หมู่บ้านศรีงามพัฒนา ต.แม่แฝก อ.สันทราย ไม่พบตัวทั้งสองคน
ซึ่งชาวบ้านได้ให้ข้อมูลว่า ทั้งสองได้ขายบ้านย้ายไปอยู่ที่อื่นนานแล้ว แต่ยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎรบ้านหลังดังกล่าวอยู่ และทั้งสองยังเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ในหมู่บ้านอยู่ ซึ่งนายนิกร เป็นอดีตครู ทั้งสองมีปัญหาเรื่องการเงินจึงขายบ้านย้ายไปอยู่ที่อื่น หลังจากนี้จะไปตรวจสอบจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ว่าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่หรือไม่และอยู่ที่ไหน