“สนธิรัตน์” ทัวร์ตลาดบางเขน โอด มีเงิน 500 ไม่พอค่ากับข้าว

“สนธิรัตน์” ทัวร์ตลาดบางเขน โอด มีเงิน 500 ไม่พอค่ากับข้าว

“สนธิรัตน์” ทัวร์ตลาดบางเขน โอด มีเงิน 500 ไม่พอค่ากับข้าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สนธิรัตน์ พาทัวร์ตลาดบางเขน ระบุ 500 ยังไม่พอค่ากับข้าว จี้ รัฐเร่งแก้ต้นเหตุ ‘น้ำมัน-ปุ๋ยแพง’ เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมด้วยนายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรค, นายนริศ เชยกลิ่นโฆษกพรรค พร้อมคณะลงพื้นที่ตลาดบางเขน เขตหลักสี่ เพื่อสำรวจราคาสินค้าเครื่องอุปโภค บริโภค พร้อมจับจ่ายใช้สอยสินค้าภายในตลาด อาทิ เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ เป็นต้น พร้อมทั้งพูดคุยรับฟังปัญหา และให้กำลังใจพ่อค้า แม่ค้า และประชาชาชนในพื้นที่  ที่ประสบปัญหาค่าครองชีพแพง

โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ในฐานะตัวแทนพรรคสร้างอนาคตไทย มาลงพื้นที่เนื่องจากต้องการมารับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรงวันนี้ผู้ค้า และประชาชนลำบาก เรื่องของแพง และความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขการเดินสำรวจตลาดครั้งนี้พ่อค้า แม่ค้าจะได้ส่งเสียงสะท้อนไปสู่ผู้รับผิดชอบในรัฐบาล ปัญหาของแพงเป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไข สินค้าราคาแพงขึ้นมากเกือบทุกรายการ

นายสนธิรัตน์ ระบุว่า วันนี้เราต้องกลับมาสะท้อนปัญหาของแพงไปให้ถึงรัฐบาล พรรคสร้างอนาคตไทยมีแนวคิดเรื่องการแก้ปัญหาของแพง คือ ทางรัฐบาลจะต้องโฟกัสให้ได้ในเรื่องของแพง เนื่องจากเป็นปลายทางที่กระทบประชาชนทุกคน ทุกครัวเรือนเพราะจะต้องซื้อของกินของใช้ เรื่องของแพงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเข้ามากำกับและควบคุมตั้งแต่ต้นทาง เพราะของแพงมาจากหลายมิติ มิติแรกคือเรื่องค่าขนส่งที่กระทบจากราคาพลังงานที่รัฐบาลจะต้องเจอปัญหาดังกล่าวไปอีก อย่างน้อยถึงสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า

ซึ่งสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าขนส่งจะคำนวณอยู่ที่ประมาณ 2% ของราคาขาย แต่ก็ไม่ใช่ค่าขนส่งอย่างเดียว ยังมีส่วนประกอบอื่นด้วย โดยเฉลี่ยคร่าวๆ ตนคิดว่าราคาน้ำมันแพง จะมีผลต่อราคาสินค้าปลายทางอย่างน้อย 3-4%

ส่วนมิติที่สอง คือ ต้นทุนการผลิตอาหาร ซึ่งเรื่องสำคัญคือเรื่องต้นทุนอาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี จึงอยากเสนอให้รัฐบาลไปดูตั้งแต่ต้นทางเพราะวิธีแก้ปัญหาจะดูแต่เพียงปลายทาง หรือการกำกับควบคุมราคาสินค้าอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องลงไปดูทีละรายการ ที่เป็นปัญหากระทบต่อราคาสินค้าของประชาชน รวมถึงการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีต่อสินค้านำเข้าที่เป็นวัตถุดิบ เป็นต้น

และมิติสุดท้าย คือ การบริหารจัดการ ต้นทุนสินค้าไปสู่มือประชาชน ซึ่งตนคิดว่าขณะนี้ผู้ค้าปลีก ค้าส่งก็ลำบาก ส่งต่อราคาสินค้าไม่ไหวต้นทุนแพงขึ้น เรื่องนี้รัฐบาลต้องเข้าไปดูในการร่วมมือแก้ปัญหาผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง 2 ด้าน โดยด้านที่ 1 คือทำอย่างไรไม่ให้เกิดการค้ากำไรเอาเปรียบในภาวะอย่างนี้ ด้านที่ 2 ส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มผู้ค้าที่เป็นผู้ค้าที่ดีให้อยู่ได้ วันนี้ไม่มีอะไรที่เป็นโจทย์ใหญ่เท่ากับทำอย่างไรถึงจะบรรเทาแบ่งเบาความเดือดร้อนของประชาชน

ทำอย่างไรถึงจะช่วยกันบริหารตั้งแต่ต้นทางที่จะไปกระทบต่อต้นทุนสินค้า ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตร ภาคพลังงานที่ตนเสนอแนะมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นรัฐต้องเข้ามาช่วยดู มาตรการทางการเงินมาตรการทางการคลัง อะไรที่ช่วยเขาได้เพื่อประคับประคองให้ผ่านวิกฤตระลอกหลังจากโควิดแล้วมาสู่สงคราม มันเป็นภาวะใหญ่มากและที่สำคัญรัฐบาลต้องใส่ใจในสิ่งที่มันเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเชิงทวีคูณ

 จากนั้นนายสนธิรัตน์ ได้โชว์สินค้าที่ซื้อจากตลาดในวันนี้ พร้อมระบุว่า วันนี้ผมนำเงินมา 500 บาท ตั้งใจจะมาซื้อของ ซึ่งในอดีตเคยซื้อได้ตอนนี้ไม่พอ เพราะของขึ้นเกือบทุกรายการ ผมอยากสะท้อนเรื่องนี้อยากให้รัฐบาลไปดำเนินการแก้ไข

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook