สาวจิตอาสาคนดัง ประกาศจัดงานศพให้ตัวเองฉลองเมรุใหม่ หลังผ่านความตายมา 3 ครั้ง

สาวจิตอาสาคนดัง ประกาศจัดงานศพให้ตัวเองฉลองเมรุใหม่ หลังผ่านความตายมา 3 ครั้ง

สาวจิตอาสาคนดัง ประกาศจัดงานศพให้ตัวเองฉลองเมรุใหม่ หลังผ่านความตายมา 3 ครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาวอาสาแต่งหน้าศพคนดัง ประกาศจัดงานศพให้ตัวเองทั้งที่ยังมีชีวิตฉลองเมรุสร้างใหม่ หลังผ่านความตายมา 3 ครั้ง 

(9 ก.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กชื่อ “สนุ๊ก สะพานบุญ” คนดังในโลกโซเชียลที่รู้จักกันในฐานะสาวจิตอาสาแต่งหน้าศพ และนางงามใจบุญที่ออกช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ได้ออกมาโพสต์เชิญชวนคนรู้จักและเพื่อนๆ มาร่วมงานศพของตนเอง พร้อมทั้งมีการถ่ายภาพนำภาพใส่กรอบเพื่อวางหน้าหีบศพ และ ยังมีการระบุกำหนดการพิธีต่างๆ ในการจัดงานศพของตนเอง ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ สนุ๊ก สะพานบุญ หรือ นางสาววรางค์อร เดชรชตะ อายุ 36 ปี ชาว ต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวและจำหน่ายยาสีฟันออนไลน์ และเป็นจิตอาสาที่คอยเป็นกระบอกเสียงหรือสะพานบุญเพื่อบอกต่อเพื่อเข้าส่วนเหลือกับผู้ยากไร้ ผู้พิการและถูกทอดทิ้ง โดยที่ไม่หวังผลประโยชน์ และยังเป็นจิตอาสาแต่งหน้าศพฟรี ที่รู้จักกันในโลกโซเชียล

สนุ๊ก สะพานบุญ เปิดเผยเรื่องราวของการจัดงานศพของตนเองว่า การที่ตนเองจัดงานศพให้ตัวเองนั้นเนื่องจาก ทางสำนักสงฆ์โคกไม้แดง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้มีการจัดงานฉลองเมรุสร้างใหม่ โดยปกติจะมีการใช้ ตากล้วย ยายกล้วย มาแทนมนุษย์ บรรจุไว้ในโลกศพจริง พร้อมทั้งประกอบพิธีงานศพตามประเพณีจริงทุกขั้นตอน รวมไปถึงการเผาศพจริง และเนื่องจากตนได้มาเป็นผู้ร่วมสร้างโดยเป็นสะพานบุญในการบอกบุญในการสร้างเมรุจนแล้วเสร็จ ตนจึงขอให้ตนเองแทนตากล้วย ยายกล้วย ให้เป็นการศพของตนเอง โดยกำหนดจัดงานในวันนี้ 9 ก.ค. เป็นการสวดอภิธรรมศพคืนแรก และในวันที่ 10 ก.ค.เวลา 15.00 น. ประกอบพิธีฌาปนกิจศพ นำโลงเข้าเผาจริงในเมรุเผาศพ คือเป็นการจัดเสมือนงานศพจริงทุกประการ

สนุ๊ก เล่าต่อว่า ช่วงก่อนหน้านี้ตนได้ขอให้นางฟ้าซาลอนนักแต่งหน้าจิตอาสาชื่อดัง มาเป็นผู้แต่งหน้าให้ และ ให้ทางร้านพรีเวดดิ้งถ่ายภาพให้และใส่กรอบ ระบุข้อความว่า “นางสาววรางค์อร เดชรชตะ ชาตะ 18 กันยายน 2528 มรณะ 9 กรกฎาคม 2565” เพื่อนำไปตั้งที่หน้าหีบศพ และมีการกำหนดพิธีต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นตามพิธีการงานศพทุกประการ ซึ่งตนมองว่า การไปงานศพสำหรับเราคือการไปให้กำลังใจคนเป็น เพราะคนตายไปไม่อาจรับรู้ ถ้าเรามีเพื่อน แล้วคนที่เขารักจากไป ต่อให้ไม่รู้จักกับคนตาย เราก็จะไป ซึ่งตนขอให้ทุกคนโปรดคิดว่านี่คืองานศพของนุ๊กจริงๆ เมื่อวันที่ตนเองตาย คุณจะมาหรือไม่มา นุ๊กก็ไม่อาจรับรู้ ไม่ต้องบอกรักนุ๊ก เพราะนุ๊กไม่ได้ยิน ไม่ต้องโอบกอดนุ๊ก เพราะนุ๊กไม่รู้สึก และถ้านุ๊กตายไป ก็ไม่อยากให้จัดงานอีก เพราะงานนุ๊กจัดของนุ๊กเองแล้ว

สนุ๊ก เผยอีกว่า ตนยอมรับว่าเป็นโรคซึมเศร้าชนิดที่คิดอยากจะฆ่าตัวตายอย่างเดียว ทุกๆ เสี้ยววินาทีที่จะทำได้ ที่ผ่านมา ตนเองผ่านการรอดตายมาแล้วถึง 3 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2545 ตนได้ประชดด้วยการกินยาล้างห้องน้ำ และรอดมาได้แต่ก็ต้องป่วยหนัก ทำให้ร่างกายไม่ปกติ ตั้งแต่นั้นมา ตนก็มีภาวะซึมเศร้าเรื่อยๆ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจนิดหน่อย ก็คิดอยากตายตลอดเวลา แต่มันก็เป็นอาการชั่ววูบ จนกระทั่งมาปี 2562 เป็นเหตุการณ์ครั้งที่ 2 ซึ่งตนประสบอุบัติเหตุ รถ 18 ล้อ ขับชนรถของตนเองจนตกคลอง โชคดีที่มีคนมาช่วยและนำร่างของตนเองออกมาจากรถได้อย่างปลอดภัยไม่เสียชีวิต

และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 ตนมีเรื่องไม่สบายใจ จึงได้ตัดสินใจรมควันตัวเองบนรถ โดยตอนนั้นตนได้สั่งเสียเรื่องการจัดการศพตัวเอง และน้องสาวของตนไปเห็นข้อความที่สั่งเสียว่า "นำเราไว้ที่นี่..ลอยอัฐิที่นี่" ทำให้น้องพบร่างตน ที่วัดตรีญาติ ที่ อ.เมืองราชบุรี น้องสาวพยายามทุบรถทุบกระจกนำร่างตนออกมาจากรถยนต์ได้ ในสภาพที่เหมือนคนใกล้เสียชีวิต ซึ่งสลบไป 2 วัน นอนโรงพยาบาล 5 วัน อยู่ไอซียู 3 วัน หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็ยังวนเวียนกันการฆ่าตัวตายอยู่เป็นเดือนๆ แต่ก็สงสารคุณพ่อ คุณแม่ และ น้องสาว เพราะพวกเขารับรู้ และร้องไห้กับการกระทำของเราตลอดเวลา

สนุ๊ก กล่าวต่อว่าความตายที่ตนตั้งใจ แต่ก็ไม่ตายตามตั้งใจ คนเราจะเลือกกำหนดชีวิตตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ตนมองว่าอาจเหมือนมีบ่วงกรรมคล้องเราอยู่ จึงคิดจะจัดงานศพให้ตัวเอง เพื่อหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ แต่ก็ยังมีคนสนิทหลายคน ก็กลัวว่าการจัดงานนี้ จะเป็นการดึงจิตให้ตนเองนึกคิดตามและคิดอยากจะฆ่าตัวตายอีก แต่ตนก็มีความตั้งใจ เพื่อเราจัดงานนี้เผาตัวเองไปและเหมือนเกิดใหม่เป็นคนใหม่ ทำความดีเพื่อสังคมต่อไป

สำหรับการจัดงานศพของ สนุ๊ก สะพานบุญ ได้ตั้งศพที่ศาลาสวดศพ ภายใน สำนักสงฆ์โคกไม้แดง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ระหว่างวันที่ 9-11 ก.ค.2565 ซึ่งวันที่ 10 ก.ค. เวลา 15.00 น. จะเป็นพิธีประชุมเพลิง (เผาจริง) ทั้งนี้เพื่อเป็นการฉลองเมรุหลังใหม่ของทางสำนักสงฆ์ ที่ได้จัดสร้างขึ้นตามประเพณีตามความเชื่อของชาวบ้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook