"ม้า อรนภา" เปิดหมดใจ 2 ปีครึ่งที่หายไป ย้อนเล่าความรู้สึกนาทีที่รู้ว่าตัวเองตกงาน
หายหน้าจากบทบาทพิธีไปเกือบ 2 ปีครึ่ง สำหรับตำนานพิธีกรตัวแม่ ม้า-อรนภา กฤษฎี ท่ามกลางประเด็นดราม่ามากมาย ล่าสุดหันไปเป็นแม่ค้าขายห่อหมกเต็มตัว จนกลายเป็นไวรัลดังในโลกออนไลน์ เมื่อพระเอกหนุ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ พุ่งตรงไปอุดหนุน แถมยังซื้อไปฝากแม่ด้วยตัวเอง
งานนี้รายการ โต๊ะหนูแหม่ม ทางช่องเวิร์คพอยท์ โดยพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา พร้อมเชิญชวนรุ่นพี่ในวงการอย่าง ม้า อรนภา และคุณแม่วัย 98 ปี มาเปิดอกหมดใจเล่าทุกเหตุการณ์วิกฤตในชีวิต
กลายเป็นคลิปดังบนโลกโซเชียลฯ ณเดชน์ มาอุดหนุนห่อหมก ?
“เหตุการณ์วันนั้นจริงๆ ไม่รู้หรอก แต่ว่าช่างผมเขาเดินลงมาซื้อห่อหมกเป็นประจำอยู่แล้วเวลาที่เราไปขาย แล้วพอซื้อเสร็จเขาก็นั่งคุยกับดิฉัน เขาบอกว่าณเดชน์มาตัดผมเพิ่งเสร็จเดี๋ยวโทรให้มาหาแม่ดีกว่า นางก็เลยโทรบอกว่ายังอยู่ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวมา เราก็นั่งคุยกันอยู่สักพัก ณเดชน์ก็เดินมา เราก็ดีใจจังเลย คือ 2 ปีครึ่งที่ไม่ได้อยู่ในวงการ เราก็ไม่ได้เจอใคร นอกจากใครจะมาหาเรา พอเราเจอเราก็ดีใจ ณเดชน์เขาก็ถามว่าขายอะไรครับ เขายังไม่รู้เลยว่าฉันขายห่อหมก (หัวเราะ) วันนั้นน้องซื้อไปฝากแม่ด้วย ทั้งหมด 9 ห่อ”
ช่วงหลังๆ เวลาคนเชิญมาออกรายการทีวีมักจะมีคำถามว่า ไม่กลัวเหรอ? กล้าเหรอ? ที่จะเชิญ ม้า อรนภา มาออก?
“พี่กลัวอ่ะ พี่จบในเรื่องของการออกรายการทีวีจากเรื่องพี่โดนทุกอย่างไล่ออกมา ใช้คำนี้แล้วกัน ไล่ออกมาทุกอย่าง จากสาเหตุที่พี่ไปคอมเมนต์ในเฟซบุคส่วนตัวแล้วมีคนแคปไป และก็เอาไปเปิดเผยจนกระทั่งมันมีความรุนแรง พี่กลัวว่าถ้าออกรายการทีวี กลัวว่าพอมาแล้วรายการจะโดนแบนไหม สปอนเซอร์จะไม่เข้าไหม ฉันกลัวตรงนี้ ดิฉันเกรงใจ”
ย้อนเล่าตอนที่งานเราแน่นๆ ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง ?
“พี่มีรายการตอนนั้นทั้งหมด 6 รายการ หนูแหม่มยังไง อรนภาก็อย่างนั้น ช่วงนั้นออก 6 รายการ ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 จากตี 4 ลากยาวถึงเที่ยงคืนทุกวันเลย”
พองานมันหายไป เราทำใจได้ยังไง ?
“เป็นศูนย์เลย พี่ทำใจได้มานานแล้วตั้งแต่ในชีวิตของพี่ พี่ไม่ได้ต่อสู้กับอะไรเลย พี่ต้องขอบคุณอานิสงค์จากการปฏิบัติธรรมที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน วันที่พี่ถูกประกาศพี่ก็นั่งอยู่กับแม่นะ นั่งดูโทรทัศน์กัน และก็ประกาศว่าพี่ไม่ได้อยู่ในรายการนี้แล้ว เราสองคนก็นั่งมองหน้ากันเฉยๆ แล้วก็นิ่ง และก็แอบมองแม่อีกทีว่าเขาจะรู้สึกยังไง แม่ก็เฉยนิ่ง เราไม่มีน้ำตาเลย แม่ไม่ได้ให้กำลังใจ เพราะรู้ว่าเราแข็งแรงพอ”
หลังเจอเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในชีวิต เราปรับตัวยังไง ?
"พี่ก็ไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ เป็นเวลาเดือนหนึ่ง ไม่ว่าพี่จะไปที่ไหนจะมีคนเดินเข้ามาโอบกอดพี่ พี่ร้องไห้ตลอดเวลา แต่ว่าวันที่พี่ถูกไล่ออกไป พี่ไม่ร้องเลยนะ แล้วพี่ก็นิ่งมาก คิดว่าเราจะทำอะไรต่อดี ฉันไปเที่ยวก่อนแล้วกัน มีเวลาให้ตัวเอง พี่เที่ยวล่องใต้เป็นเดือนๆ เลยนะ พี่ขึ้นเหนือเจอแม่ชีกำลังให้พรอยู่ตรงหน้า พี่แบบว่าน้ำตาไหลพรากไม่หยุด"
ใช้อะไรก้าวผ่านเหตุการณ์นี้มาได้ ?
“พี่ใช้ในปัจจุบัน ใช้ธรรมะที่มี ตอนนี้เราตกงานนะ ต้องเข้าใจว่าเราตกงาน ตอนนี้เราไม่มีรายได้ เราเป็นศูนย์ เราต้องอยู่กับความเป็นสัจจะธรรม อย่างหนึ่งที่มันทำให้พี่ไม่เสียใจมากเพราะว่าพี่ไม่ประมาทในชีวิตไง ต่อให้เป็นศูนย์ แต่พี่ยังมีทุกอย่างอยู่ และมีครบด้วย”
เรื่องข่าวตกอับขายรถล่ะ ?
“พี่เห็นข่าวแล้ว คือเราต้องไม่ประมาทในชีวิต เราต้องเก็บหอมรอมริบ อะไรมันเป็นภาระในชีวิตก็ต้องตัดทิ้ง เรามีรถ 3 คัน มันเยอะไปไหม คือรถ 3 คันรวมถึงบ้าน เราไม่มีหนี้สินเลยนะ ทุกอย่างเป็นของเรา มันเป็นการลดภาระมากกว่า เพื่อนๆ ช่วยเอารถแพงไปซื้อรถธรรมดา มันก็เบาลง ไม่ต้องไปเติมน้ำมันเยอะ”
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ