ศรีลังกาป่วนหนัก ผู้ประท้วงบุกทำเนียบ กระโดดสระน้ำเล่น อีกส่วนไปเผาบ้านนายกฯ
จากกรณีที่ ศรีลังกา เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1948 จากการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถนำเข้าสินค้าสำคัญ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง อาหารและยา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศแตะ 54.6 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนมิถุนายน และคาดว่าจะเพิ่มไปอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ ในอีกไม่กี่เดือน จนทำให้ประชาชนจำนวนมหาศาลลุกฮือขึ้นประท้วงขับไล่ผู้นำประเทศ
ล่าสุด หลังกลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคน บุกเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงโคลัมโบ เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.65) เนื่องจากไม่พอใจการบริหารจัดการวิกฤตเศรษฐกิจ
ประธานสภาศรีลังกา แถลงว่า ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา จะลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ โดยยังระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีราชปักษา ตัดสินใจลาออก เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ พร้อมขอให้ประชาชนเคารพกฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อย
ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ประท้วงหลายแสนคนจากทั่วประเทศ เดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงเพื่อขับไล่รัฐบาล โดยเดินขบวนไปยังที่ทำเนียบประธานาธิบดีศรีลังกา และปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชน โดยมีการยิงแก๊สน้ำตาสกัด แต่ผู้ชุมนุมหลายพันคนสามารถฝ่าแนวกั้นและเครื่องกีดขวางของเจ้าหน้าที่ และบุกเข้าไปในบ้านพักของประธานาธิบดีได้สำเร็จ มีการเผยแพร่ภาพผู้ชุมนุมเดินสำรวจทั่วที่พัก มีการกระโดดลงสระว่ายน้ำในทำเนียบอย่างสนุกสนาน ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุ ประธานาธิบดีราชปักษา ไม่ได้อยู่ในบ้านพัก และยังไม่ชัดเจนว่าอยู่ที่ใด
ขณะที่ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมบุกไปยังบ้านพักส่วนตัว นายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ก่อนจุดไฟเผา ส่งเปลวไฟและกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
นอกจากนี้มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี รานิล วิกรามาสิงหะ เรียกประชุมบรรดาผู้นำการเมืองและบอกว่ามีความตั้งใจลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน เพื่อเปิดทางสำหรับจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ