แม่มะกันเถียงตำรวจ หลังโดนหยุดรถเพราะขับเลนมีผู้โดยสาร ลั่นอีกคนอยู่ในท้องไง
นางแบรนดี บอตโทน วัย 34 ปี ถูกตำรวจในรัฐเทกซัสของสหรัฐออกใบสั่งค่าปรับ 275 ดอลลาร์ (10,000 บาท) จากการขับรถคนเดียวมาในช่องจราจรเฉพาะรถที่มีผู้โดยสารมาด้วยเท่านั้น เมื่อเดือน มิ.ย.
ขณะเกิดเรื่อง หญิงรายนี้ที่ตั้งครรภ์ 34 สัปดาห์ กำลังรีบไปรับลูกชายที่โรงเรียน แต่กลับถูกตำรวจเรียกให้จอดรถ และถามว่าเหตุใดจึงขับในช่องจราจรดังกล่าวทั้งที่มาคนเดียว
นางบอตโทนจึงตอบตำรวจว่า ตนไม่ได้ขับรถมาคนเดียว แต่ยังมีลูกในครรภ์อีก 1 คน
"เขาถามว่า 'มีใครอยู่ในรถอีกมั้ย' แล้วก็มองมาในรถ ฉันเลยบอกว่า มีสิ แล้วเขาก็ถามว่า 'อยู่ไหน' ฉันเลยชี้มาที่ท้องฉันแล้วก็บอกว่า 'นี่ไง'" นางบอตโทน เผยกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น
เรื่องนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหรัฐ เพราะก่อนหน้านั้นไม่นานศาลฎีกาสหรัฐเพิ่งออกคำวินิจฉัยว่าผู้ที่สามารถกำหนดสิทธิทำแท้งได้นั้นไม่ใช่อำนาจของรัฐบาลกลางแต่เป็นอำนาจของแต่ละมลรัฐ ซึ่งรัฐเทกซัสที่เกิดเหตุนั้น พยายามออกกฎหมายห้ามทำแท้งเพราะอ้างว่าตัวอ่อนหรือทารกที่ยังไม่คลอดถือว่าเป็นบุคคลตามกฎหมายอาญาของรัฐ
ชาวเน็ตบางส่วนจึงพากันยกย่องว่านางบอตโทนตอบได้ดีมาก เพราะในเมื่อรัฐจำกัดสิทธิทำแท้งเพราะมองตัวอ่อนว่าเป็นบุคคล ก็ต้องนับตัวอ่อนว่าเป็นผู้โดยสารอีกคนด้วย และคำตอบนี้กำลังชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ของกฎหมายหลังจากศาลฎีกาสหรัฐออกคำวินิจฉัยมาลบล้างคำวินิจฉัยเรื่องสิทธิทำแท้งเดิม ที่เคยเสรีกว่าคำวินิจฉัยล่าสุด
อย่างไรก็ตาม แม้นางบอตโทนรู้สึกโกรธจัดมากหลังจากตำรวจอ้างว่าจะไม่รับฟังคำโต้แย้งของตน แต่ก็บอกว่า ที่ตอบแบบนั้นไม่ได้เป็นการแสดงจุดยืนทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสิทธิทำแท้ง เพียงแค่ต้องการให้ตำรวจยกเลิกใบสั่งเท่านั้นเอง
"ก็กฎหมายบอกว่านี่คือทารก แต่เขาบอกว่าทารกคนนี้ ที่เตะซี่โครงฉันอยู่เนี่ย ไม่ใช่ทารก มันฟังขึ้นเหรอคะ"
ขณะนี้นางบอตโทนกำลังจ้างทนายความมาว่าความและเตรียมขึ้นศาลในเดือน ก.ค. นี้ ถ้าหากลูกในครรภ์ไม่คลอดออกมาเสียก่อน
"ถ้าการสนับสนุนผู้หญิงจัดเป็นอีกแนวคิดหนึ่ง จุดยืนของฉันก็คงแบบนั้นค่ะ" นางบอตโทน กล่าว