จับแล้ว "สีน้ำ" ฆาตกรตัวจริงปาดคอ "เจ๊แดง" ตายใจไม่หลบหนี นึกว่าตำรวจไม่สงสัย
จับแล้ว "สีน้ำ" ฆาตกรตัวจริง ฆ่าปาดคอเจ๊แดง อ้างหาเงินจัดงานวันเกิดให้ลูกชาย ไม่ได้ตั้งใจฆ่า แต่เหยื่อตื่นมาเจอตอนขโมยพอดี
เมื่อเวลา 11.00 น. (12 ก.ค.65) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ได้มีการแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญสะเทือนขวัญประชาชน โดยใช้มีดปาดคอ "เจ๊แดง" ม่ายสาวเจ้าของร้านขายของชำ ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนบ้านป่งไฮ ต.ป่งไฮ อ.เซกา จ.บึงกาฬ
ที่ผ่านมา 8 วัน ฆาตกรตัวจริงยังคงลอยนวล ญาติๆ เกรงคดีไม่คืบยื่นหนังสือถึง ผบก.จว.บึงกาฬ ขอให้ย้ายนายดาบผู้ต้องสงสัยออกจากพื้นที่ จนกว่าคดีจะคลี่คลาย แต่อยู่ๆ หวยก็มาออกที่ นายวัชระ หรือ น้ำ อายุ 32 ปี เป็นผู้ต้องสงสัยรายสุดท้ายที่เพิ่งพ้นคุกมา อยู่บ้านไม่มีงานทำ คุมตัวมาสอบสวนรับสารภาพเป็นคนลงมือเชือดคอเจ๊แดงและชิงทรัพย์ ผลตรวจนิติวิทยาศาสตร์ตรงกันทุกอย่าง ทั้งรอยเท้าเปื้อนเลือด เนื้อเยื่อในเล็บผู้ตาย ของกลางอื่นๆ ก็มีกระเป่าใส่เงินผู้ตายซึ่งยังเหลือเงินอยู่ประมาณหมื่นกว่าบาท มีเงินบางฉบับเปื้อนเลือดผู้ตาย ส่วนโทรศัพท์และมีดปลายแหลมของกลางอ้างว่าโยนลงถังขยะไปทิ้งแล้ว
การแถลงข่าววันนี้ นำโดย พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ บำรุงสวัสดิ์ ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พร้อมด้วยเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.4 ร่วมกับ ภ.จว.บึงกาฬที่ร่วมกันจับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหาคือ นายวัชระ หรือ สีน้ำ อายุ 32 ปี ราษฎร ต.ป่งไฮ อ.เซกา จ.บึงกาฬ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดบึงกาฬ ที่ 68/2565 ลง 11 ก.ค.2565
ของกลางประกอบไปด้วย กระเป๋าผ้าสีแดง-ม่วง จำนวน 1 ใบ ในกระเป๋าดังกล่าวมีธนบัตรประกอบด้วย ธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 7 ใบๆ ละ 500 บาท จำนวน 2 ใบๆ ละ 100 บาท จำนวน 35 ใบๆ ละ 20 บาท จำนวน 76 ใบ รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 13,020 บาท
พล.ต.ท.ยรรยง ผบช.ภ.4 กล่าวว่าเมื่อวันที่ 3 ก.ค.65 เวลาประมาณ 04.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.ป่งไฮ ได้รับแจ้งเหตุฆ่าผู้อื่น ทราบชื่อผู้ตายคือ นางอนันยา หรือ เจ๊แดง อายุ 47 ปี จึงได้ร่วมกับพนักงานสอบสวน เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 จ.บึงกาฬ และแพทย์โรงพยาบาลเซกา ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายของชำ ลักษณะบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ในบ้านชั้นล่าง พบศพนางอนันยา หรือ เจ๊แดง อายุ 47 ปี เ นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน สภาพสวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำตาลกางเกงขาสั้นสีดำมีแถบสีขาว มีลักษณะบาดแผลของมีคมบาดตามร่างกาย และบริเวณคอมีแผลลึกฉกรรจ์ตัดถึงหลอดลม ศีรษะมีรอยกระแทก ลักษณะในการเผชิญหน้ากันและมีการต่อสู้อยู่นาน ซึ่งมีทรัพย์สินที่สูญหายดังนี้ 1) โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO จำนวน 1 เครื่อง 2) กระเป๋าคาดเอวแบบหนัง สีน้ำตาลดำ จำนวน 1 ใบ 3) เงินสด จำนวนหนึ่ง 4) เอกสารประจำตัวผู้ตาย
เจ้าพนักงานตำรวจ ได้ร่วมกันตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหมู่บ้านที่เกิดเหตุ พบภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในช่วง วันที่ 3 ก.ค.65 เวลา 02.30 น. เป็นภาพชาย รูปร่างท้วม เดินออกจากซอย มีรูปพรรณคล้ายกับบุคคลพ้นโทษภายในพื้นที่ เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้เชิญตัวบุคคลต้องสงสัย คือ นายวัชระ หรือ สีน้ำ อายุ 32 ปี ราษฎร ต.ป่งไฮ ในหมู่บ้านเดียวกันกับผู้ตาย เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไปเชิญตัวและสอบถามนายวัชระ ให้การมีพิรุธน่าสงสัย พบร่อยรอยขีดข่วนตามร่างกาย จึงได้เชิญตัวนายวัชระ มาที่ สภ.ป่งไฮ เพื่อตรวจสอบร่องรอยบาดแผลที่อาจเกิดจากการต่อสู้กับผู้ตาย พิมพ์ลายนิ้วมือฝ่าเท้า ตรวจสอบเก็บตัวอย่าง DNA เพื่อส่งตรวจเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานที่ตรวจเก็บได้จากสถานที่เกิดเหตุ
โดยเจ้าพนักงานตำรวจได้ซักถามนายวัชระ ได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่านางอนันยาหรือเจ๊แดงแต่เพียงผู้เดียวจริง โดยรับว่า นายวัชระ ได้เสพยาบ้าก่อนไปก่อเหตุ และได้เข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านเจ๊แดง โดยหยิบเอากระเป๋าคาดเอวที่วางอยู่ที่พื้นโซฟา ขณะผู้ตายหลับอยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อนายวัชระ จะหลบหนี เจ๊แดงตื่นขึ้นพบนายวัชระฯ จึงได้ต่อสู้กัน โดยนายวัชระใช้อาวุธมีดแทงที่ลำคอผู้ตาย และได้หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจจึงตรวจสอบพยานหลักฐาน พบว่าพยานหลักฐานสอดคล้องตามคำรับสารภาพของนายวัชระจริง ต่อมานายวัชระ ได้สมัครใจนำเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจยึดของกลาง ซึ่งเป็นธนบัตรที่ตนได้นำมาจากบ้านเจ๊แดง
จึงแจ้ง 4 ข้อหาคือ 1.ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 2.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3.พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ4.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอบคุณผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนที่ทุ่มเททำงานจนสามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้สำเร็จ นำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย ชาวบ้านในชุมชนก็นอนตาหลับรวมทั้งญาติผู้ตายด้วย จากนั้นได้มอบเงินรางวัลเป็นขวัญกำลังใจให้ทั้ง พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4และพล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ขอบคุณสื่อมวลชนที่เสนอข่าวเบี่ยงเบนประเด็นทำให้คนร้ายตายใจไม่ยอมหนีออกจากบ้านไปที่อื่น จนให้มีการจับกุมตัวได้ในที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่าเหตุที่ได้ควบคุมตัวนายวัชระหรือสีน้ำ มาสอบสวนเป็นคนสุดท้ายนั้นก็สืบเนื่องจากได้ข้อมูลจาก นายต่าย ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งและมีรูปร่างท้วมคล้ายกับนายวัชระหรือสีน้ำ แต่นายสีน้ำเวลาเดินขาจะกระเผลกไม่เท่ากันเนื่องจากเป็นเก๊าต์และขาบวมมากที่ด้านซ้าย และก็ไม่ค่อยออกจากบ้านเนื่องจากเสพยาแล้วก็นอนแต่อยู่ในบ้าน จึงไม่มีใครพบเห็นและต้องสงสัยตั้งแต่ทีแรก แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นบุคคลในเป้าหมายอยู่ จึงได้ควบคุมมาเป็นรายสุดท้ายและก็เมื่อสอบสวนจึงรับสารภาพดังกล่าว โดยเหตุจุงใจนั้นก็หวังเงินจำนวนไปจัดงานวันเกิดให้ลูกชายตัวเองที่อยู่กรุงเทพฯ และก็วันเกิดของตนเองด้วย ซึ่งเกิดเดือนกรกฎาคมนี้เหมือนกัน หลังจากที่เข้าไปทางหน้าต่างบ้านเจ๊แดงพบนอนหลับอยู่บนโซฟาใกล้หน้าต่าง จึงได้ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในเอี๊ยมห้อยคอเจ๊แดง
หลังจากได้กระเป๋าสตางค์แล้วกำลังจะก้าวเดินออกจากหน้าต่างเจ๊แดงตื่นขึ้นมาพบพอดี จึงได้ร้องเรียกตนว่า ”ไอ้น้ำ” ตนตกใจจึงได้หันกลับไปใช้มือดึงผมเจ๊แดง มีการต่อสู้ยื้อแย่งมีดกัน แล้วตนก็ใช้มีดปลายแหลมที่พกไปด้วยเชือกคอเจ๊แดงจนเสียชีวิตดังกล่าว
ส่วน นางมณีวรรณ อายุ 55 ปี แม่ของนายสีน้ำผู้ต้องหา หลังจากแถลงข่าวเสร็จได้ขอพบลูกชายซึ่งได้มาพร้อมกันกับนางยูงทองยายคนเล็กที่เป็นญาติกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้เข้าไปพบในห้องกระจกโดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพแต่อย่างใด โดยแม่และยายได้สงสัยมาตลอดว่าลูกชายตัวเองได้ทำจริงหรือไม่ เกรงจะเป็นแพะรับบาปในครั้งนี้ เมื่อสอบถามลูกชายเป็นที่เข้าใจแล้วว่าเป็นคนกระทำให้เจ๊แดงตายจริง หลังจากนั้นนายวัชระหรือสีน้ำจึงเข้ากอดแม่ร้องไห้และก้มกราบเท้าขอโทษที่ตัวเองได้กระทำความผิดครั้งนี้ลงไป และก็กราบเท้ายายยูงทองอีกคนด้วย
จากนั้นนางมณีวรรณพร้อมกับยายยูงทองจึงได้เดินออกจากห้องมาพบกับสื่อมวลชนได้เข้าไปสัมภาษณ์และสอบถามว่าได้พูดคุยอะไรบ้างกับลูกชายโดยนางมณีวรรณได้กล่าวว่าสอบถามลูกชายแล้วว่าเป็นคนลงมือใช้มีดปาดคอเจ๊แดงจริงโดยหวังเอาทรัพย์สินไปจัดงานวันเกิดของตนเองและลูกชายแต่ที่กระทำครั้งนี้ไม่มีเจตนาว่าจะฆ่าให้ตายเพียงชิงทรัพย์เอาเงินเฉยๆ แต่แล้วผู้ตายตื่นขึ้นมาพบและเรียกชื่อตัวเองจึงตกใจโดยใช้มีดเชือกคอยเจ๊แดงตายดังกล่าว เมื่อตัวเองได้กระทำความผิดจริง ก็จงรับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นผู้กระทำก็ต้องรับไปเอง”