ผัวเมียหายตัว 5 วัน พบเป็นศพในรถกลางน้ำ เศร้า ลูกๆ ยังเล็กต้องกำพร้าพ่อแม่

ผัวเมียหายตัว 5 วัน พบเป็นศพในรถกลางน้ำ เศร้า ลูกๆ ยังเล็กต้องกำพร้าพ่อแม่

ผัวเมียหายตัว 5 วัน พบเป็นศพในรถกลางน้ำ เศร้า ลูกๆ ยังเล็กต้องกำพร้าพ่อแม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผัวเมียหายตัว 5 วัน พบเป็นศพในรถที่จมน้ำ ลูกๆ ต้องกำพร้าทั้งพ่อและแม่พร้อมกัน สุดสลด พบศพในวันเกิดพอดี

เมื่อเวลาประมาณ 09.40 น. ร.ต.อ.นิยม สามพร้าว พนักงานสอบสวน สภ.โกสุมพิสัย ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านพบรถยนต์เก๋งจมน้ำในลำห้วยวังโพน อยู่ห่างจากหมู่บ้านวังโพน ต.เขวไร่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม และมีศพติดอยู่ในรถ 2 ศพ จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลโกสุมพิสัย สมาคมกู้ภัย 245 พุทธธรรม อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม และหน่วยกู้ชีพ อบต.เขวาไร่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียน 6กก-8361 กรุงเทพมหานคร สภาพรถหัวปักจมลงไปในน้ำเกือบมิดคัน ท้ายรถโผล่พ้นน้ำเล็กน้อย เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ลงไปงม พบว่าภายในรถมีร่างผู้เสียชีวิต 2 ศพอยู่บริเวณเบาะหลัง เป็นชายสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนขา 3 ส่วน และหญิงสวมเสื้อสีดำเกงกางสีครีม สภาพศพบวมเป่ง คาดจะจมน้ำเสียชีวิตในรถมาแล้วหลายวัน จึงนำร่างขึ้นมาไว้บริเวณถนนคันดินใกล้จุดเกิดเหตุ ส่วนตัวรถสภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า หลังคายุบ จึงได้ประสานให้ อบต.เขวาไร่นำรถยกติดลวดสลิงผูกรถที่ประสบอุบัติเหตุและดึงขึ้นมา โดยใช้เวลากว่า 2 ช่วงโมงจึงเก็บกู้สิ่งของขึ้นมาได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสิ่งของภายในกระเป๋าผู้เสียชีวิตพบบัตรประชาชน ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายธีรวัฒน์ อายุ 30 ปี และ น.ส.สิริการย์ อายุ 26 ปี โดยทั้ง 2 เป็นสามีภรรยากัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่า อาจจะเกิดจากขับรถเสียหลักทำให้รถข้ามเลนไปปีนคันดินและพุ่งลงไปในลำห้วย หลังเกิดเหตุผู้ตายแต่ไม่สามารถออกมาจากตัวรถได้ จึงเป็นเหตุทำให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต

สอบถาม นายถนอม อายุ 57 ปี ญาติของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเป็นญาติกับนายธีรวัฒน์ มีศักดิ์เป็นลุง มีบ้านพักอาศัยบริเวณใกล้เคียงกัน โดยผู้เสียชีวิตทั้งสองคนร่วมกับประกอบธุรกิจขายอาหารทะเลและอาหารสดต่าง ๆ ที่ตลาดบางลำพู ของเทศบาลบาลนครขอนแก่น จ.ขอนแก่น และเมื่อขายเสร็จช่วงเย็นจะเดินทางกลับมาที่บ้านพักที่บ้าน หมู่ 14 ต.เขวาไร่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยทั้งสองคนจะเดินทางกลับมาถึงในช่วงค่ำ แต่ถ้าวันไหนติดธุระจะเปิดรีสอร์ตนอนที่จังหวัดขอนแก่น และโทรมาแจ้งกับพ่อแม่ให้ช่วยดูแลลูกทั้งสอง ซึ่งคนเล็กเพิ่งคลอดได้ไม่นาน

ทั้งนี้ได้ทราบข่าวว่าหลานทั้ง 2 คนไม่ได้ติดต่อกับทางบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ค. 2565 ช่วงแรกนึกว่าคงขายคงจนเหนื่อยและพักที่ จ.ขอนแก่น จึงไม่ได้คิดอะไร จนมาทราบข่าวจากพ่อแม่ผู้เสียชีวิตว่าทั้ง 2 ติดต่อไม่ได้มา 2 วันแล้ว และลูกก็ถามหาพ่อแม่ตลอด พยายามโทรหาแล้วแต่ปิดเครื่องทั้ง 2 คน จึงเกิดความเป็นห่วงและได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งตามหาแล้ว โดยขอให้ตำรวจช่วยแกะรอยจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ทั้งคู่เดินทางผ่านบ่อย แต่ยังไม่คืบหน้า

จนเมื่อเช้าวันนี้ มีชาวบ้านที่มาหาปลาละแวกหมู่บ้านแจ้งว่าพบรถเก๋งสีขาวจมน้ำอยู่ในคลองสาธารณะก่อนเข้าหมู่บ้าน จึงออกมาดูก็พบว่าเป็นรถของหลานชายตน และทั้งคู่ได้เสียชีวิตในรถแล้ว ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตทั้งสองเป็นคนทำมาหากิน เป็นเสาหลักของครอบครัว และวันนี้ที่พบศพก็ตรงกับวันเกิดของหลานชายพอดี ซึ่งถือเป็นเรื่องสะเทือนใจครอบครัวมาก เพราะแทนที่จะได้ฉลองวันเกิดกับครอบครัว มีความสุขกับลูกทั้งสองที่กำลังเติบโต กลับเป็นเศร้าสลดแทน

ด้าน ร.ต.อ.นิยม สามพร้าว พนักงานสอบสวน สภ.โกสุมพิสัย เปิดเผยว่า เบื้องต้นญาติผู้เสียชีวิตได้เข้ามาแจ้งความคนหายที่ สภ. เมืองขอนแก่น เพราะผู้ตายทำงานที่ขอนแก่น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่กล้องวงจรปิด ทราบว่ารถคันได้กล่าวได้มุ่งหน้าเข้ามาถนนสายท่าพระ-โกสุมพิสัย สิ้นสุดที่ ต.เขวาไร่ สอดคล้องกับเพื่อนผู้เสียชีวิต พบว่าทั้งคู่ได้ขับรถออกมาจาก จ.ขอนแก่น โดยนายธนวัฒน์ เป็นคนขับ ส่วนน.ส.สิริการย์ นั่งข้าง โดยปกติผู้เสียชีวิตทั้ง 2 หลังจากขายของเสร็จมักจะขับรถกลับมาพักที่จังหวัดมหาสารคามและมักจะโทรติดต่อพ่อแม่และญาติให้ช่วยดูแลลูกอยู่เป็นประจำ แต่หลังจากคืนวันที่ 8 กค. 65 ทั้ง 2 ได้ขาดการติดต่อและมาพบเป็นศพในลำห้วย

ซึ่งจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งและมีหลุมอยู่ข้างทาง บริเวณคอสะพานมีรอยชน และปลายต้นไม้มีร่องรอยใบแห้ง ส่วนหน้ารถไม่มีรอยกระแทก แต่หลักคายุบ คาดว่ารถผู้ตายขับรถในช่วงกลางคืนประกอบกับคืนนั้นมีฝนตกหนัก อาจจะตกหลุมก่อนเสียหลักไถลข้ามเลนและปีนคันดินพุ่งลงลำห้วย และใช้เวลาถึง 5 วันรถจึงลอยขึ้นมา โดยญาติผู้ตายไม่ติดใจของสาเหตุการตาย จึงมอบให้ญาตินำศพไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับบริเวณจุดเกิเหตุ เป็นทางเปลี่ยวไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างเพียงพอ ประกอบกับพื้นถนนเป็นแอ่งทำให้รถที่ผ่านมาด้วยความเร็วมักจะเสียหลักจนเป็นเหตุให้บาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ก็มีชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์ยนต์เสียหลักลงลำห้วยตรงนี้มาแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook