"อ.เจษฎ์" ไขข้อกังวล "ฝีดาษลิง" ติดกันง่ายๆ เพียงแค่ฉี่กระเด็น จริงหรือ?
จากกรณีข่าวล่าสุด ไทยพบผู้ติดไวรัสฝีดาษลิง (Monkeypox) หรือฝีดาษวานร คนแรกที่ จ.ภูเก็ต เป็นชายชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี ผลตรวจยืนยันตั้งแต่วันอังคาร (19 ก.ค.) ทำให้เกิดข้อกังวลมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องการแพร่กระจายเชื้อ ประเด็นหนึ่งที่ถูกยกนำมาพูดถึงอีกครั้งคือ การแชร์ในโลกออนไลน์ว่า สามารถติดต่อได้ง่ายๆ เพียงแค่ปัสสาวะของผู้ติดเชื้อกระเด็นใส่
เรื่องนี้ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยโพสต์อธิบายไว้ผ่านทางเฟสบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ระบุชัดเจนว่า "ฝีดาษลิง ไม่ได้ติดกันง่ายๆ เพียงแค่โดนฉี่กระเด็นใส่ นะครับ"
โอกาสติดโรคก็ไม่ได้จะสูงมากมายอย่างโควิดนะครับ หลักๆ จะเป็นการใกล้ชิด พูดคุย คลุกคลี ใช้สิ่งของร่วมกัน สัมผัสโดนน้ำคัดหลั่งจากผู้ติดเชื้อแล้วมาเข้าสู่บาดแผลบนตัวเรา หรือเข้าไปทางปาก จมูก ตา ให้จำนวนไวรัสเข้าไปเยอะมากเพียงพอที่จะเป็นโรค .. ไม่ใช่ว่าโดนผิวปุ๊บ แล้วติดโรคปั๊บ
ล่าสุดนี่ เห็นคนแชร์คลิปติ๊กต๊อกเตือนเข้าห้องน้ำ แล้วจะติดโรคฝีดาษลิงได้ (ซึ่งจริงๆ ก็ยังไม่มีรายงานการระบาดในไทยนะ) อันเนื่องจากไปสัมผัสโดนฉี่ที่เปื้อนอยู่ตามฝารองนั่งชักโครก !? ทำเอาตกอกตกใจกันใหญ่ จะไม่กล้าเข้าห้องน้ำสาธารณะกัน กลัวติดฝีดาษลิง (ซึ่งจริงๆ ก็ควรทำความสะอาดอยู่แล้วนะ เวลาจะใช้เนี่ย)
ต้องขอยก“นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร” รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ที่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เอาไว้นะครับ ว่า "ความกังวลใจของคนในการเข้าห้องน้ำสาธารณะ เกรงว่าจะติดเชื้อฝีดาษลิง อยากให้เข้าใจว่าการปัสสาวะไม่ได้ฟุ้งกระจายมาก จนแพร่เชื้อหรือรับเชื้อได้ แต่อยู่ที่ตุ่มบริเวณอวัยวะเพศ หากแตกออกมาก็สามารถแพร่เชื้อได้จากการสัมผัสโดยตรง ไม่ใช่จากการปัสสาวะ จากความกลัวของหลายๆ คน"