ศาลจีนพิพากษายืน ทวงคืนรูปปั้น "มัมมี่หลวงพ่อ" จากนักสะสมชาวดัตช์
ศาลจีนพิพากษายืน ให้นักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์ ส่งคืนรูปปั้น "พระสงฆ์มัมมี่" เก่าแก่กว่า 1,000 ปี
เมื่อวันอังคาร (19 ก.ค.) ศาลประชาชนชั้นสูงมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกของจีน ปฏิเสธคำอุทธรณ์ของนักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์ โดยยึดคำตัดสินเดิมที่กำหนดให้นักสะสมคนนี้ส่งคืน “รูปปั้นพระสงฆ์มัมมี่” อายุพันปีที่ถูกลักขโมยไปแก่ชาวบ้านในฝูเจี้ยน
รูปปั้นนี้เป็นของจางกงจู่ซือ พระสงฆ์จากสมัยราชวงศ์ซ่ง (ปี 960-1279) ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและเผยแพร่ความเชื่อพุทธศาสนา โดยหลังจากถึงแก่กรรมในวัย 37 ปี ร่างของเขาได้ถูกนำมาทำเป็นมัมมี่ตามความปรารถนาและบรรจุด้านในรูปปั้น
รูปปั้นดังกล่าวได้ถูกเก็บรักษาที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ที่ปัจจุบันรู้จักในฐานะเมืองซานหมิงของฝูเจี้ยน และเป็นที่สักการะของคนท้องถิ่นเนิ่นนานกว่า 1,000 ปี ก่อนจะถูกลักลอบนำออกจากวัดในปี 1995 บรรดาชาวบ้านพากันค้นหารูปปั้นจางกงจู่ซือที่สูญหายไป กระทั่งพบรูปปั้นนี้ในนิทรรศการที่ฮังการีในปี 2015 ทว่าต่อมาพวกเขาไม่อาจเจรจาขอคืนรูปปั้นจากออสการ์ วาน โอเวอร์รีม ชายสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้เป็นเจ้าของรูปปั้นในขณะนั้นได้สำเร็จ
ศาลประชาชนชั้นกลางซานหมิงขึ้นทะเบียนคดีความข้างต้นในปี 2015 และจัดการพิจารณาคดี 2 ครั้งในปี 2018 ก่อนมีคำสั่งให้วาน โอเวอร์รีมคืนรูปปั้นให้โจทก์ ซึ่งคือคณะกรรมการชาวหมู่บ้านหยางชุนและหมู่บ้านตงผู่ ภายใน 30 วัน เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2020 โดยหมู่บ้านทั้งสองเป็นเจ้าของวัดที่เก็บรูปปั้นโบราณร่วมกัน อย่างไรก็ดีนักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์คนนี้ได้ยื่นอุทธรณ์หลังการพิจารณาคดีครั้งแรกไม่นาน
ด้านศาลประชาชนชั้นสูงของฝูเจี้ยน ยังคงคำตัดสินเดิมระหว่างการพิจารณาคดีครั้งที่สอง ซึ่งระบุว่า รูปปั้นจางกงจู่ซือ เป็นสมบัติส่วนรวมที่สืบทอดในพื้นที่นี้มาหลายชั่วอายุคน ทำให้การเป็นเจ้าของรูปปั้นร่วมกันของชาวหมู่บ้านหยางชุน และตงผู่ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ขณะที่ วาน โอเวอร์รีม ซึ่งอ้างว่าซื้อรูปปั้นดังกล่าวมาในปี 1996 ไม่ได้มอบเอกสารการจัดซื้อเป็นหลักฐานยืนยันแต่อย่างใด
ระหว่างการอุทธรณ์ ศาลชั้นสูงดังกล่าวกำหนดว่ารูปปั้นนี้ มีสถานะเป็นโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม ที่ถูกลักขโมยและส่งออกอย่างผิดกฎหมาย รูปปั้นนี้มีความเชื่อมโยงอันแสนพิเศษกับเหล่าชาวบ้าน ทั้งสะท้อนถึงขนบธรรมเนียมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น จึงควรถูกส่งคืนเมื่อพิจารณาตามกฎหมาย ความมีเหตุผลและคุณค่าทางจิตใจ
ทั้งนี้ เมื่อปี 2016 ศาลเนเธอร์แลนด์ได้ขึ้นทะเบียนคดีความข้างต้น หลังจากมีการยื่นฟ้องโดยคณะกรรมการชาวหมู่บ้านทั้งสอง และมีการไต่สวนแบบเปิดเผยครั้งแรก ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมในปีถัดมา ทว่าศาลได้ยกฟ้องคดีนี้ในเดือนธันวาคม 2018 โดยตัดสินว่าคณะกรรมการชาวหมู่บ้านกลุ่มนี้ ไม่ใช่นิติบุคคลและไม่มีคุณสมบัติยื่นฟ้อง