ศาลจีนพิพากษายืน ทวงคืนรูปปั้น "มัมมี่หลวงพ่อ" จากนักสะสมชาวดัตช์

ศาลจีนพิพากษายืน ทวงคืนรูปปั้น "มัมมี่หลวงพ่อ" จากนักสะสมชาวดัตช์

ศาลจีนพิพากษายืน ทวงคืนรูปปั้น "มัมมี่หลวงพ่อ"  จากนักสะสมชาวดัตช์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลจีนพิพากษายืน ให้นักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์ ส่งคืนรูปปั้น "พระสงฆ์มัมมี่" เก่าแก่กว่า 1,000 ปี

เมื่อวันอังคาร (19 ก.ค.) ศาลประชาชนชั้นสูงมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกของจีน ปฏิเสธคำอุทธรณ์ของนักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์ โดยยึดคำตัดสินเดิมที่กำหนดให้นักสะสมคนนี้ส่งคืน “รูปปั้นพระสงฆ์มัมมี่” อายุพันปีที่ถูกลักขโมยไปแก่ชาวบ้านในฝูเจี้ยน

รูปปั้นนี้เป็นของจางกงจู่ซือ พระสงฆ์จากสมัยราชวงศ์ซ่ง (ปี 960-1279) ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและเผยแพร่ความเชื่อพุทธศาสนา โดยหลังจากถึงแก่กรรมในวัย 37 ปี ร่างของเขาได้ถูกนำมาทำเป็นมัมมี่ตามความปรารถนาและบรรจุด้านในรูปปั้น

รูปปั้นดังกล่าวได้ถูกเก็บรักษาที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ที่ปัจจุบันรู้จักในฐานะเมืองซานหมิงของฝูเจี้ยน และเป็นที่สักการะของคนท้องถิ่นเนิ่นนานกว่า 1,000 ปี ก่อนจะถูกลักลอบนำออกจากวัดในปี 1995 บรรดาชาวบ้านพากันค้นหารูปปั้นจางกงจู่ซือที่สูญหายไป กระทั่งพบรูปปั้นนี้ในนิทรรศการที่ฮังการีในปี 2015 ทว่าต่อมาพวกเขาไม่อาจเจรจาขอคืนรูปปั้นจากออสการ์ วาน โอเวอร์รีม ชายสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้เป็นเจ้าของรูปปั้นในขณะนั้นได้สำเร็จ

ศาลประชาชนชั้นกลางซานหมิงขึ้นทะเบียนคดีความข้างต้นในปี 2015 และจัดการพิจารณาคดี 2 ครั้งในปี 2018 ก่อนมีคำสั่งให้วาน โอเวอร์รีมคืนรูปปั้นให้โจทก์ ซึ่งคือคณะกรรมการชาวหมู่บ้านหยางชุนและหมู่บ้านตงผู่ ภายใน 30 วัน เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2020 โดยหมู่บ้านทั้งสองเป็นเจ้าของวัดที่เก็บรูปปั้นโบราณร่วมกัน อย่างไรก็ดีนักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์คนนี้ได้ยื่นอุทธรณ์หลังการพิจารณาคดีครั้งแรกไม่นาน

ด้านศาลประชาชนชั้นสูงของฝูเจี้ยน ยังคงคำตัดสินเดิมระหว่างการพิจารณาคดีครั้งที่สอง ซึ่งระบุว่า รูปปั้นจางกงจู่ซือ เป็นสมบัติส่วนรวมที่สืบทอดในพื้นที่นี้มาหลายชั่วอายุคน ทำให้การเป็นเจ้าของรูปปั้นร่วมกันของชาวหมู่บ้านหยางชุน และตงผู่ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ขณะที่ วาน โอเวอร์รีม ซึ่งอ้างว่าซื้อรูปปั้นดังกล่าวมาในปี 1996 ไม่ได้มอบเอกสารการจัดซื้อเป็นหลักฐานยืนยันแต่อย่างใด

ระหว่างการอุทธรณ์ ศาลชั้นสูงดังกล่าวกำหนดว่ารูปปั้นนี้ มีสถานะเป็นโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม ที่ถูกลักขโมยและส่งออกอย่างผิดกฎหมาย รูปปั้นนี้มีความเชื่อมโยงอันแสนพิเศษกับเหล่าชาวบ้าน ทั้งสะท้อนถึงขนบธรรมเนียมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น จึงควรถูกส่งคืนเมื่อพิจารณาตามกฎหมาย ความมีเหตุผลและคุณค่าทางจิตใจ

ทั้งนี้ เมื่อปี 2016 ศาลเนเธอร์แลนด์ได้ขึ้นทะเบียนคดีความข้างต้น หลังจากมีการยื่นฟ้องโดยคณะกรรมการชาวหมู่บ้านทั้งสอง และมีการไต่สวนแบบเปิดเผยครั้งแรก ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมในปีถัดมา ทว่าศาลได้ยกฟ้องคดีนี้ในเดือนธันวาคม 2018 โดยตัดสินว่าคณะกรรมการชาวหมู่บ้านกลุ่มนี้ ไม่ใช่นิติบุคคลและไม่มีคุณสมบัติยื่นฟ้อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook