ประยุทธ์ ลั่นให้สิทธิประชาชนเกิน 100% พ้อเห็นแก่สิทธิมนุษชนของผมบ้าง

ประยุทธ์ ลั่นให้สิทธิประชาชนเกิน 100% พ้อเห็นแก่สิทธิมนุษชนของผมบ้าง

ประยุทธ์ ลั่นให้สิทธิประชาชนเกิน 100% พ้อเห็นแก่สิทธิมนุษชนของผมบ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงในอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อกรณีการจับกุมผู้ชุมนุม และการละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนที่เห็นต่าง โดยถามกลับว่า ที่ทำผิดกฎหมายเป็นกฎหมายปกติหรือไม่ ไม่ใช่กฎหมายที่เขียนมาใหม่ ตัวเองให้นโยบายอย่างต่อเนื่องว่าให้ระมัดระวังการใช้กฎหมาย อะไรแจ้งเตือนได้ก็ให้แจ้งเตือนก่อน โดยเฉพาะกับกลุ่มเยาวชน ที่อาจจะได้รับความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า หลายครั้งรัฐก็ต้องไปพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง เพื่อไม่ต้องการให้เยาวชนอยู่ในอันตรายและถูกดำเนินคดี เพราะการดำเนินคดีก็อยู่ในหน้าที่ของศาล ซึ่งเยาวชนก็จะต้องไปศาลเยาวชน ตัวเองไม่เคยละเมิดอำนาจศาล ฝ่ายค้านก็ต้องระวังด้วย ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชน ตัวเองให้อย่างเต็มที่และเกินร้อย ตามกฎหมายที่มีอยู่หลายฉบับพยายามผ่อนหนักเบาสั้นยาว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเคลื่อนไหวถึงเกิดในช่วงระยะเวลานี้ และมีพรรคการเมืองบางพรรคที่มาอยู่ตรงนี้ เป็นเรื่องที่อันตราย เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะมองออก ว่ามีการไปพูดในโรงเรียน มหาวิทยาลัย เพื่อให้มีการทำลายล้างระบบและเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด กฎหมายทั้งหมดตัวเองไม่ได้ร่างขึ้นมาใหม่ แต่พวกท่านเป็นคนเริ่มทำเอง

"เรื่องสิทธิมนุษยชน ผมก็พยายามให้เต็มที่แล้ว ผมคิดว่าผมให้เกิน 100% ไปแล้วนะตอนนี้ กฎหมายหลายตัวก็มีอยู่ ผมก็พยายามผ่อนหนักผ่อนเบา ผ่อนสั้นผ่อนยาวให้มาโดยตลอด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว   

ไม่รู้จักเพกาซัส

ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลใช้ในโปรแกรมเพกาซัสเพื่อแอบติดตามฝ่ายตรงข้ามนั้นว่า ตนเองปฏิเสธว่าไม่รู้จัก เหมือนเช่นที่ฝ่ายค้านวิจารณ์ว่าตัวเองไม่ฉลาด พร้อมยืนยันว่า ไม่ให้ค่าในเรื่องการแอบติดตามดังกล่าวและจะไม่ยอมเสียงบประมาณ โดยเปล่าประโยชน์เพื่อมาติดตามข้อมูลฝ่ายตรงข้ามตามที่ถูกกล่าวหาเพราะสามารถเข้าไปดูในโซเชียลมีเดียก็ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 

จ่อดำเนินคดีคนพาดพิงแรงเกิน

และในช่วงท้ายของการชี้แจงนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังผู้อภิปรายทุกคนในกรณีการพาดพิงไปถึงบุคคลภายนอก การใช้คำพูดที่รุนแรงต่อตนเองและครอบครัวเกินขอบเขตตนเองก็จะดำเนินคดีกลับคืนเช่นกัน เพราะถือว่าการอภิปรายผู้พูดจะต้องรับผิดชอบต่อคำพูดที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าตนเองไม่เคยหยาบคายหรือแสดงกิริยาที่ไม่สุภาพ เพราะการอภิปรายในครั้งนี้ ก็เป็นการตั้งคำถามซ้ำเดิมที่ตนเองตอบมาหลายครั้งจึงมองว่ามีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องคิด ในสภาวการณ์ที่ประเทศเจอกับปัญหาอย่างรอบด้านเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน

"สิทธิมนุษยชนนั้นผมก็มีของผมเอง ท่านก็มีของท่าน ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด ผมอาจจะต้องรับผิดชอบมากหน่อย มีหน้าที่การงานมากหน่อย เพราะฉะนั้นผมก็ไปอ้างสิทธิของผมมากกว่าคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผมมีสิทธิเท่าท่านทุกคน แต่อย่าละเมิดซึ่งกันและกัน ถ้าอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความเสียหายกับผม ผมจำเป็นต้องรักษาสิทธิส่วนบุคคลของผมเช่นกันอันนี้ไม่ได้ขู่ เป็นเรื่องของกฎหมาย สิ่งท่านก็อาจจะไม่ได้สนใจมากเท่าไร เพราะท่านก็ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงพอสมควร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกอย่างตนไม่แก้ตัวอะไรทั้งสิ้นและมีเรื่องสำคัญหลายเรื่องที่ต้องพูดให้เกิดประโยชน์ในสภาแห่งนี้และในประเทศชาติและในเวลานี้มากกว่าเรื่องที่ตีกันไปตีกันมา หลายเรื่องพูดไปแล้วถามแล้วถามอีก กมธ. เป็นเรื่องเดิมๆ ขอให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์กันดีกว่าโต้เถียงโต้แย้งกันแบบ นี้ในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองก็เป็นแบบนี้อยู่ และรัฐธรรมนูญที่ท่านว่า ตัวเองไม่ใช่คนเขียนรัฐธรรมนูญ และสั่งใครไม่ได้อยู่ แล้วก็เป็นเรื่องของคณะทำงานคณะร่างเขาทำมา ดังนั้นการที่เอาคนนั้นมาอ้างคนนี้มาพูด เอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน ตัวเองรับไม่ได้ เพราะเป็นข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ หลายครั้งที่ผมเตือนไปแล้วว่าอย่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของตัวเอง ครอบครัว และไม่อยากจะกล่าวย้อนไปคนที่ทำให้เกิดความเสียหายต่างๆ

เบญจาจี้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง

คำชี้แจงนี้มีขึ้นหลังจาก นางสาวเบญจา แสงจันทร์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในกรณีบิดผันกระบวนการยุติธรรมเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการปราบปรามประชาชนผู้เห็นต่าง และปิดกั้นการใช้เสรีภาพของประชาชน ทั้ง ม.116 ยุยงปลุกปั่นฯ และ ม.112 หมิ่นประมาทกษัตริย์ ซึ่งเบญจา กล่าวว่าเป็นการบิดเบือนกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เพื่อค้ำจุนและรักษาอำนาจทางการเมืองของรัฐบาล นำมาซึ่งการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนและวิกฤตของสถาบันตุลาการและสถาบันทางการเมืองอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

นางสาวเบญจา แสงจันทร์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลนางสาวเบญจา แสงจันทร์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

นางสาวเบญจา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 2563 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2565 มีผู้ถูกดำเนินคดีจากสถานการณ์ชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไปแล้วอย่างน้อย 1,832 คน เป็นเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 282 ราย มีผู้ถูกดำเนินคดี ม.112 กว่า 200 คน

ตอนท้ายการอภิปราย นางสาวเบญจา พร้อม ส.ส. พรรคก้าวไกล ชูรูปภาพของผู้ถูกดำเนินคดีการเมืองและเรียกร้องให้ปล่อยตัวและความยุติธรรมให้กับนักโทษการเมืองทุกคน รวมทั้งคดี ม. 112

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook