ซิปเม็กซ์วุ่น! นักเทรดคริปโตรวมตัวร้องตำรวจเทคโนโลยี เผยเสียหาย 600 ล้าน

ซิปเม็กซ์วุ่น! นักเทรดคริปโตรวมตัวร้องตำรวจเทคโนโลยี เผยเสียหาย 600 ล้าน

ซิปเม็กซ์วุ่น! นักเทรดคริปโตรวมตัวร้องตำรวจเทคโนโลยี เผยเสียหาย 600 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลุ่มผู้เสียหายจากการค้าเงินดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันซิปเม็กซ์มากกว่า 700 คน รวมตัวเข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ภายในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 10.00 น. วันจันทร์ (25 ก.ค.)

ผู้เสียหายกลุ่มนี้อ้างว่าได้รับความเสียหายมูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท จากการที่ผู้ดำเนินงานแอปพลิเคชันดังกล่าวโอนเงินของพวกตนไปยังกระเป๋าเงิน Z Wallet (ซีวอลเลต) ที่อยู่นอกเหนือการกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของไทย โดยที่กลุ่มผู้เสียหายไม่ทราบเรื่องมาก่อน

นายภัทรเศรษฐ์ พรหมสวัสดิ์ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวทำให้พวกตนโยกสินทรัพย์จากกระเป๋าสำหรับค้าสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ และเพิ่งมาทราบว่าบริษัทนำสินทรัพย์ของพวกตนไปลงทุนต่อในต่างประเทศ ซึ่งต้องการให้มีการสอบสวนว่าผิดระเบียบที่ ก.ล.ต. กำหนดไว้หรือไม่ แต่เบื้องต้นที่ทราบคืนบริษัทจะนำสินทรัพย์ของลูกค้าไปลงทุนต่อไม่ได้

ผู้เสียหายรายนี้กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาทราบว่ากระดานค้าสินทรัพย์ดิจิทัลรายนี้มีปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนในต่างประเทศ แต่ไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะเอาเงินเราไปจ่ายดอกต่อเพื่อหาผลประโยชน์

นายภัทรเศรษฐ์ เผยอีกว่า ที่มารวมตัววันนี้คือต้องการดูว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขปัญหาใดได้บ้าง ขณะนี้ผู้เสียหายได้มีการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำไปเป็นเอกสารประกอบการดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายรวม 744 คน มูลค่ารวม 661,062,586 ล้าน (มูลค่า ณ ช่วงเวลาปิดการถอนเงิน ในวันที่ 20 ก.ค. 2565 ตามดัชนีคอยน์มาร์เก็ตแคป)

สำหรับสัดส่วนของเหรียญคริปโตที่ได้ลงทุนในผลิตภัณฑ์ ZipUp+ (ซิปอัปพลัส) ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ลงทุนในเหรียญบิตคอยน์ ถึง 50.4% ซึ่งมีมูลค่าวันปิดฝากถอน ประมาณ 330,413,611 บาท 

ผู้เสียหายรายนี้ พูดต่อไปว่า หลังจากนี้จะต้องดูตามแนวทางว่าทางบริษัทจะให้คำตอบอย่างไรกับสิ่งที่จะต้องแก้ไขปัญหา ซึ่งถ้าหากไม่ทำอะไร ก็จะต้องเดินหน้าว่าจะไปทิศทางไหน และย้ำว่าทราบดีว่าบริษัทขาดสภาพคล่อง ซึ่งหมายถึงบริษัทไม่มีเงินมาจ่าย แต่ระหว่างที่มีการระงับการเทรด กลับทำให้นักลงทุนเสียโอกาส

พันตำรวจเอก คมกฤช สุขไทย รองผู้บังคับการ สอท. 1 กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจรับเรื่องเพื่อตรวจสอบข้อมูล และต้องสอบถามเจ้าของบริษัทก่อน ส่วนว่าจะเข้าความผิดไหนบ้าง ต้องสอบปากคำผู้เสียหายก่อนขณะนี้ผู้เสียหายมีเป็นจำนวนมากถึงจะสรุปได้ว่าเข้าความผิดอะไรบ้าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook