ถึงกับหลั่งน้ำตา "เหลือเฟือ มกจ๊ก" ใช้ความโง่เบิกทางสู่ความสำเร็จ
เหลือเฟือ มกจ๊ก ไปได้สวยกับการเป็นยูทูบเบอร์ หลั่งน้ำตาขอบคุณความโง่ เบิกทางสู่ความสำเร็จ เพิ่มช่องทางหาเงินเลี้ยงลูก ดูแลครอบครัวได้ จากหยาดเหงื่อ และสมองของตัวเอง
เหลือเฟือ มกจ๊ก ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว sanook.com อัพเดทชีวิตปัจจุบัน ยอมรับว่า งานวงการบันเทิงไม่บูมเหมือนในอดีต แต่ก็ไม่เคยรู้สึกแย่ หรือตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
"หลายคน เวลาเจอหน้ากันถามว่า เหลือเฟือ งานเป็นยังไงมั่ง ก็โอเคเรื่อยๆ ครับ งานเรามันมีทั้งลดทั้งเพิ่ม มีงานช่วย มีงานหา มีงานให้"
"เราใช้ชีวิตสมถะ ไม่ได้ทะเยอทะยานว่า ตัวเองเป็นดารานักแสดง ไปไหนมาไหนต้องเลิศเลอเพอร์เฟค ระหว่างคนชวนไปภัตตาคาร กับคนที่อยู่ทุ่งนาชวนไปกินส้มตำ ผมไปกินส้มตำ"
"เราไม่ได้แบบแต่งตัวต้องแบรนด์เนม ตลาดนัดก็ใส่ได้ ยังไงเขาก็มองเป็นเหลือเฟือ ไม่มีไปขับรถโชว์คนอื่น เราต้องยอมรับตัวเองให้ได้ จมให้ลง"
ศิลปินตลก ผ่านงานแสดงละครโทรทัศน์มานับไม่ถ้วน บอกต่อว่า เขาเป็นคนถ่อมตัวไม่ชอบคุยโม้โอ้อวด เสมอต้นเสมอปลาย ก่อนเข้าวงการเป็นอย่างไร มีชื่อเสียงแล้วก็ยังเป็นอย่างนั้น จึงอุดมไปด้วยมวลหมู่มิตรแวะเวียนมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบต่อเนื่อง
"เป็นคนแบบถ่อมตัว ไม่คุยโม้โอ้อวดกับใคร นอกจากว่าสายตาสั้นไม่ได้ยกมือไหว้แค่นั้นแหละ ออกจากบ้านคิดอย่างเดียว กูออกไปหามิตร กูจะไม่เอาศัตรู"
"มันมีเยอะนะดารานักร้อง กำลังรุ่งเดินยกไหล่ มีคนเชิดชูหน่อยยืดอยู่บนฟ้าแล้ว อะไรก็แล้วแต่ต่อให้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน เด่นดังขนาดไหน ถ้าไม่มีพวกก็อยู่ในโลกคนเดียวอย่างนั้น"
จากพนักร้านอาหาร เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเล่นกลองแทนมือกลองประวงดนตรีที่เล่นประจำ ได้มาอยู่กับคณะมกจ๊ก ของ จาตุรงค์ มกจ๊ก สั่งสมชื่อเสียงและประสบการณ์การแสดง จนกระทั่งได้มีผลงานออกสื่อ
ปัจจุบัน เหลือเฟือ ที่มีชื่อจริงว่า เกมศักดิ์ แจ้งทิพย์นาง กำลังไปได้สวยกับการเป็นยูทูบเบอร์ ผลิตคอนเทนต์ เรียกเสียงหัวเราะ สืบสานอาหารพื้นถิ่นอีสาน ผ่านช่องทาง Youtube ที่ชื่อว่า เหลือเฟือ ชาแนล
"ในช่อง เหลือเฟือ แชนแนล ได้ฮาแน่ๆ ได้สาระก็มี ไม่ได้มาเมคอะไรมากมาย เหลือเฟือเป็นตัวของตัวเอง อย่างพวกเรา ไปพูดให้คนน้ำตาไหลด้วย ไม่ได้หรอก เพราะเราเป็นตลก"
"เรื่องการกินส้มตำ เวลาแขกแต่ละคนเข้ามาตำส้มตำ มันเป็นวัฒนธรรมของบ้าน ผมคือคนอีสาน อยู่ทุ่งนา พาไปจับกบมาทำอาหาร นั่งกินกันคุยกันไป มันจะสนุกกว่าที่มานั่ง แบบสัมภาษณ์เฉยๆ"
เขาบอกด้วยว่า เริ่มต้นการเป็นยูทูปเบอร์ และทำช่องยูทูบ แบบไม่มีความรู้ จากวันตั้งไข่ มาถึงวันนี้มีผู้ติดตามมากกว่า 3 แสนคน ใช้ความโง่เป็นใบเบิกทาง กล้าที่จะถาม กล้าที่จะขอความช่วยเหลือ เรียนรู้จากความรู้ และประสบการณ์ของคนที่มีความรู้
"ตอนทำยูทูบ บอกตรงๆ ไม่เป็นเลย สิ่งที่พี่มาได้ทุกวันนี้ เป็นคนไม่อวดดี เป็นคนที่แบบถ้ากูไม่รู้กูจะถาม ประตูมีอยู่ 10 ประตูเนี่ย มึงวิ่งไปไม่รู้ประตูไหนผ่าน"
"แต่ถ้ามึงไปถามผู้รู้เขาบอก ประตูที่ 9 นะ ก่อนที่มึงจะวิ่งไป มึงไม่ต้องไปเสียเวลาวิ่ง จากประตูที่ 1 ไม่ผ่านประตูที่ 2 ไม่ผ่าน กูเข้าประตูที่ 9 เลย กูผ่านได้เลย"
"คือจะบอกกับตัวเองว่ากูโง่ จริง เพราะความโง่นี่แหละที่อยู่ได้ทุกวันนี้ ที่น้ำตาไหลเนี่ย มันประสบความสำเร็จ ในความโง่ของตัวเอง"
เขาเล่าทั้งน้ำตาต่อว่า "ชีวิตที่เป็นตลก เป็นตัวดิ้นไม่ใช่ตัวปู เขาสั่งให้มึงโง่ มึงต้องแกล้งโง่ มึงร้องเพลงเพราะยังไง เขาก็บอกว่ามึงเป็นตลก มึงไม่ได้ร้องเพลงเพราะ แต่คนที่ฟังเพลงจริงๆ เขาจะรู้ไอ้นี่ของจริงเว้ย"
ในการพูดคุยครั้งนี้ เหลือเฟือ ทิ้งท้ายด้วยการ ขอบคุณความโง่ที่เป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จ มีพื้นที่ได้นำเสนอผลงานแบบเป็นตัวของตัวเอง เพิ่มช่องทางหารายได้ มาเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว และภูมิใจที่หามาได้จากหยาดเหงื่อ และสมองของตนเอง
"สำหรับผมนะ ประสบความสำเร็จตั้งแต่คนดู 5 คนแล้วได้ทำงานได้พวก มีงานโชว์ตัว พอไปงานใหญ่ 2 แสน มันคือผลพลอยได้ที่เราได้กลับคืนมา"
"เป็นคนที่ทำงานตลอด ตื่นขึ้นมาชีวิตต้องทำงาน อยากได้เงินมาเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัว เราเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว เราเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ มีลูกทั้งผู้หญิงผู้ชาย มิ่ง คนโต มุก คนกลาง และก็ มิกซ์ คนเล็ก"
"ไม่ได้เลี้ยงเฉพาะลูกนะ ลูกน้องด้วย แล้วลูกของลูกน้อง ครอบครัวของลูกน้องอีก ที่เราดิ้นรนทุกวันเนี่ย ใครที่บอกว่าเงินไม่สำคัญน่ะ ไม่เชื่อหรอก ใครบอกเงินไม่สำคัญหยุดกิน ทำงานง็อก ง็อก ง็อก ง็อก ทำ ทำไม ถ้าเงินไม่สำคัญ"
"แต่การได้เงินมามันต้องมีความภูมิใจ ว่าเราได้มาแบบไหน ได้มาแบบไม่เดือดร้อนใคร ได้จากหยาดเหงื่อของเรา ได้จากสมองของเรา ได้เงินมาแบบ ใสๆ ต่อให้ 5 บาท 10 บาท มันจะภูมิใจมากๆ"
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ