เสียงจากนางงามโรงรับจำนำ "เศรษฐกิจแย่ โรงรับจำนำก็เหนื่อย"
ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยถดถอย คนระดับรากหญ้าไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยรัฐ ดังนั้นทางออกที่ดูจะเหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้น "โรงรับจำนำ" แต่รู้หรือไม่ว่าเศรษฐกิจแย่ โรงรับจำนำเองก็เหนื่อยตามไปด้วย
ทีมข่าว Sanook News สัมภาษณ์พิเศษ "ป๊อบ-ปิโยรส บุพพานนท์" นางงามและเจ้าของโรงรับจำนำป๊อบมันนี่ เธอเคยเข้าประกวดนางสาวไทย Miss Thailand World และชนะเลิศการประกวด Mrs. Grand Beauty Legend Thailand 2021 และกำลังจะเข้าประกวด Mrs.Thailand World 2022 ในเดือนสิงหาคม เธอบอกว่าการประกวดนางงามเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง รวมทั้งความมั่นใจในการทำธุรกิจด้วย เธอเป็นทายาทโรงรับจำนำหัวหมากที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจมาเปิดโรงรับจำนำของตัวเองในย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ เพราะต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโรงรับจำนำจากสถานที่มืดทึบ ลึกลับ และถ้าใครมาใช้บริการก็จะเป็นเรื่องน่าอับอาย ให้กลายเป็นธนาคารขนาดย่อย สำหรับคนที่ต้องการเงินด่วน แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคาร และไม่ต้องไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ
จำนำ หมุนเงิน ไม่ใช่แค่เรื่องของคนจน
ปิโยรส กล่าวว่า เมื่อก่อนผู้มาใช้บริการจะรู้สึกอายที่เงินไม่พอ ต้องเอาทรัพย์สินมาขาย เช่น พระ ทอง นาฬิกา กระเป๋า ขันเงิน เข็มขัดนาก เข็มขัดเงิน หรืออะไรก็ได้ เพราะไม่ต้องใช้เอกสารหลักฐานอะไรมากมาย เพียงแค่บัตรประชาชนใบเดียว แต่ในความเป็นจริง คนรวยหรือคนระดับบนในสังคมก็เอาสินทรัพย์มาแลกเป็นเงินทุนไปต่อยอดหรือไปหมุนในธุรกิจเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ค่อยมาใช้บริการโรงรับจำนำ แต่จะใช้บริการพวกร้านรับซื้อแบรนด์เนมมือสองแทน หรือถ้าบางคนที่จะมาใช้บริการโรงรับจำนำก็อาจจะมาในรูปแบบลูกค้าวีไอพีที่จะโทรมานัดล่วงหน้า หรือให้เลขาส่วนตัวมาแทน ของที่เอามาก็มีตั้งแต่กระเป๋าแบรนด์เนม เพชรหลายกะรัต ไปจนถึงนาฬิกาหรู ส่วนตัวจึงมาว่าไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะเอาของมาจำนำเพื่อเอาเงินไปหมุนต่อยอดธุรกิจ แต่การขอยืมน่าจะน่าอายมากกว่า
เศรษฐกิจแย่กระทบโรงรับจำนำ
ปิโยรส เล่าต่อว่า หลายคนมักจะมองว่าเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี คนต้องเอาของมาจำนำมาก และโรงรับจำนำต้องได้กำไรเยอะ ซึ่งไม่จริง เพราะว่าถ้าเศรษฐกิจไม่ดี คนก็จะเอาทรัพย์สินมาจำนำ แต่ไม่มีเงินมาไถ่ออกไป ยิ่งในช่วงการระบาดของโควิดที่รัฐบาลสั่งปิดประเทศ หรือล็อกดาวน์หลายรอบ รอบแรก รอบสอง คนเอาของมาจำนำ พอมาตอนนี้รอบที่สาม คือไม่เหลืออะไรให้จำนำแล้ว จำนวนผู้มาใช้บริการก็เริ่มน้อยลง
ส่วนของที่หลุดจำนำ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น สร้อยทอง แหวนเพชน นาฬิกา ทีวี หรืออื่นๆ ซึ่งเศรษฐกิจแบบนี้โรงรับจำนำเองก็เอาไปขายต่อลำบาก เพราะคนไม่มีเงินเหลือมาซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย
ในทางกลับกัน ช่วงที่เศรษฐกิจดี ประชาชนมีเงินมาซื้อของให้ตัวเอง มีสินค้าฟุ่มเฟือยที่สามารถเอามาจำนำได้ จำนำแล้วก็มีเงินมาไถ่ หรือถ้าหลุดจำนำก็มีเงินซื้อใหม่ และพวกเขาก็มีงาน มีธุรกิจที่จะต้องใช้เงินด่วนไปหมุนหรือไปต่อยอด ไม่เหมือนตอนนี้ที่หลายธุรกิจก็ปิดตัว เศรษฐกิจถดถอย คนตกงาน เป็นโควิด ไม่ได้รับรายได้เท่าเดิม หรือโดนจ้างออก เงินไม่พอ เอาของมาจำนำสุดท้ายก็หมด
ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่า โรงรับจำนำก็ชอบเศรษฐกิจดี เพราะเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่ของเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี โรงรับจำนำก็ดี เศรษฐกิจแย่โรงรับจำนำก็เหนื่อย ยิ่งถ้าในรัฐบาลที่เน้นแต่การเมือง ไม่เน้นเศรษฐกิจ โรงรับจำนำก็ยิ่งแย่
ความจริงอีกด้าน! โรงรับจำนำก็ต้องแบกดอกเบี้ยธนาคาร
“เหมือนจะรวย โรงรับจำนำดูเหมือนว่าเอาเงินมาจากไหน ขุดมาจากดินหรือเปล่า บางคนเข้าใจว่าโรงรับจำนำท่าทางจะรวยมากนะ ความจริงเราจะต้องจ่ายดอกธนาคารซึ่งเยอะมากเหมือนกัน” ปิโยรส กล่าว
เธอเล่าให้ฟังว่า การทำโรงรับจำนำต้องใช้เงินหมุน ซึ่งก็ต้องกู้และแบกดอกเบี้ยจากธนาคารเหมือนกัน ในขณะที่ผู้ใช้บริการได้รับดอกเบี้ยจากทางเรา 1.25% แต่เราก็ต้องได้รับดอกเบี้ยจากทางธนาคารเวลาเราไปกู้ยืมเงิน เพราะธุรกิจโรงรับจำนำใช้เงินเป็นก้อนใหญ่ในการหมุนเงินต่อวันไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยต้องเอาที่ดินหรือเอาทรัพย์ที่เคยมี หรืออาคารพาณิชย์เข้าไปจำนำกับธนาคารเหมือนกันเพื่อที่จะเอาเงินมาหมุนให้กับทางลูกค้า มันไม่ใช่เงินเย็น มันก็เป็นเงินหมุนเหมือนกัน แต่โรงรับจำนำมีเครดิตในการกู้ยืมมากกว่าคนทั่วไป เพราะตั้งมาผ่านการอนุมัติของรัฐบาล
ขณะที่ประชาชนทั่วไปอาจจะมีเครดิตน้อยกว่าในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคาร แม้ว่าจะมีดอกเบี้ยต่ำกว่า แต่อนุมัติเงินไม่เร็วเท่าโรงรับจำนำ ต้องการการค้ำประกัน มีเอกสารมาก ขั้นตอนยุ่งยาก ไม่สะดวกสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ
เธอตั้งใจทำให้โรงรับจำนำเป็นเหมือนธนาคารอย่างหนึ่งที่เข้าถึงง่าย และเป็นหลังบ้านให้กับคนทุกกลุ่มทุกอาชีพที่ต้องการเงินด่วนเงินเร็ว ซึ่งถ้าเปิดใจศึกษาก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากโรงรับจำนำในเวลาที่จำเป็นได้ ขณะที่โรงรับจำนำเองก็ไม่ได้ต้องการให้ทรัพย์สินหลุดจำนำ เช่น ช่วงโควิดที่หลายคนต้องอยู่บ้านไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงินมาส่งตามกำหนด ก็สามารถโทรมาบอกหรือเลื่อนตั๋วได้ หรือถ้าของบางอย่างมีคุณค่าทางจิตใจประเมินค่าไม่ได้ ถ้าเธอเห็นก็อาจจะเก็บไว้ให้ลูกค้าและโทรถามว่าต้องการที่จะมาไถ่อยู่ไหม ถ้ายังต้องการก็เลื่อนให้ได้ อยากให้มองภาพโรงรับจำนำเป็นสถานที่โปร่งใส ไม่ใช่ลึกลับ