รวบ "เจ๊ทิบ" พิมรี่พายเมืองลาว พร้อมแฟน โต้หอบเงินกว่า 600 ล้านบาท หนีมาไทย

รวบ "เจ๊ทิบ" พิมรี่พายเมืองลาว พร้อมแฟน โต้หอบเงินกว่า 600 ล้านบาท หนีมาไทย

รวบ "เจ๊ทิบ" พิมรี่พายเมืองลาว พร้อมแฟน โต้หอบเงินกว่า 600 ล้านบาท หนีมาไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจบุกจับ "เจ๊ทิบ" พิมรี่พายเมืองลาว พร้อมแฟนหนุ่ม โต้หอบเงินกว่า 600 ล้านบาท หนีหมายจับคดีฉ้อโกงมาไทย เปิดปากอ้างถูกแอดมินเพจหักหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (29 ก.ค.) พันตำรวจเอก รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 หัวหน้าชุดปราบปรามคนร้ายข้ามชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจตรวจค้นเข้าเมือง เข้าตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่งย่านคลองหลวง คลองสี่ จังหวัดปทุมธานี

หลังสืบทราบว่า นางพอนทิบ อายุ 30 ปี นักธุรกิจแม่ค้าออนไลน์ชาวลาว เจ้าของฉายา พิมรี่พายเมืองลาว และท้าวอานุสิด อายุ 34 ปี แฟนหนุ่มชาวลาว ที่ถูกทางการลาวออกหมายจับ คดีฉ้อโกงทรัพย์ และคิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

และได้หลบหนีออกจาก สปป.ลาว เข้ามากบดานในประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 1 พร้อมกับเงินกีบ 2 หมื่นล้านกีบ (ประมาณ 48 ล้านบาท), เงินไทย 400 ล้านบาท และเงินดอลลาร์สหรัฐ 4 ล้านเหรียญ (ประมาณ 145 ล้านบาท)

โดยเบื้องต้นตำรวจได้แสดงหมายค้นให้เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นคนรู้จักของผู้ต้องหาทราบ และเข้าตรวจค้น แต่ยังไม่พบ ขณะที่เจ้าของบ้าน ตอนแรกอ้างว่านางพอนทิบไม่อยู่ 2-3 วันแล้ว บอกว่าจะเข้ากรุงเทพฯ แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำอะไร หรือไปอยู่ที่ไหนต่อ

แต่สุดท้ายก็ยอมบอกว่านางพอนทิบย้ายไปอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านคลองหลวง คลองห้า พร้อมพาตำรวจไปที่โรงแรมดังกล่าว และพบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนอยู่ภายในห้องพักจริง

สำหรับพฤติการณ์ของทั้งสองคน ได้ร่วมกันทำธุรกิจขายทอง เพชร และขายสินค้าออนไลน์ ที่สปป.ลาว โด่งดังจากการขายกล่องสุ่ม และภาพลักษณ์ที่เป็นคนสวย จิตใจดี ช่วยเหลือชาวบ้าน ทำให้ได้รับความนิยมมากใน สปป.ลาว

ต่อมานางพอนทิบได้ชักชวนผู้เสียหายแทงลอตเตอรี่ลาวออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นแชร์ โดยหลอกว่าจะให้ค่าตอบแทนสูงร้อยละ 30-50 ต่อเดือน แต่กลับไม่จ่ายเงินให้ผู้เสียหายตามที่ตกลง 

เบื้องต้น นางพอนทิบ อ้างว่า ไม่ได้เจตนาหนีคดีเข้ามาในไทย เพียงมาตั้งหลักเพราะมีคนขู่จะทำร้าย ส่วนเรื่องโกงเงินผู้เสียหายนั้นก็ยืนยันไม่ได้มีเจตนาโกง เพราะได้จ่ายเงินให้แอดมิน 2 คนไปดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้เสียหาย แต่แอดมินกลับโกงเงินดังกล่าวไป โดยตนเองก็รู้มาสักระยะว่ามีการโกงเกิดขึ้น แต่ตนเองไม่มีหลักฐาน และต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐาน เพื่อกลับไปสู้คดีที่ สปป.ลาว

ส่วนเงินที่ตำรวจอ้างว่ามีการขนเงินเข้ามาในไทยด้วยนั้น ตำรวจไม่พบเงินดังกล่าวที่ห้องพักผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ได้พกเงินมาจำนวนมากขนาดนั้น พกมาเพียงประมาณ 40,000-50,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือได้ถูกทางการลาวอายัดบัญชีไปหมดแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่จะพกเงินสดขนาดนั้นเข้ามาในไทย

เบื้องต้นตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาไปที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 เพื่อดำเนินการผลักดันผู้ต้องหาทั้งสองคนกลับประเทศไปดำเนินคดี หลังจากที่ทางการ สปป.ลาว มีคำสั่งให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาทั้งสองคนไปก่อนหน้านี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook