กลุ่มหญิงสาวร้องทนาย ถูกแฟนเก่าอัดคลิปเซ็กซ์ไว้แบล็กเมล์ ขู่ให้มามีอะไรกันอีกซ้ำๆ

กลุ่มหญิงสาวร้องทนาย ถูกแฟนเก่าอัดคลิปเซ็กซ์ไว้แบล็กเมล์ ขู่ให้มามีอะไรกันอีกซ้ำๆ

กลุ่มหญิงสาวร้องทนาย ถูกแฟนเก่าอัดคลิปเซ็กซ์ไว้แบล็กเมล์ ขู่ให้มามีอะไรกันอีกซ้ำๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 ก.ค. ที่ สำนักงานทนายคลายทุกข์ รามอินทรา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหญิงสาวผู้เสียหาย 2 ราย ได้แก่ นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 41 ปี และ นางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 34 ปี จากเหยื่อสาวรวม 6 ราย ร่วมกันเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจาก ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ จากกรณีถูก ชายอายุ 50 ปี อดีตผู้ต้องหาตามหมายจับอาญาที่ 932/2550 ลงวันที่ 16 มีนาคม ข้อหาเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชื่อเสียง หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเผยแพร่ภาพลามกอนาจาร

ชายวัย 50 ปี รายนี้มีพฤติกรรมหลอกหญิงสาวหลายราย มีเพศสัมพันธ์แล้วถ่ายคลิปแบล็คเมล์เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย รวมทั้งมีพฤติกรรมตามคุกคาม รังควานในโซเชียลมีเดีย ครอบครัวและคนใกล้ชิดของผู้เสียหาย โดยอ้างว่าหากผู้เสียหายยินยอมมาพบอีกครั้ง จะเลิกการกระทำดังกล่าว แต่ในทุกครั้งที่ผ่านมาที่ผู้เสียหายจำยอมไปพบ กลับไม่ได้รับการปฏิบัติตามที่ผู้ต้องหาบอกแต่อย่างใด และยังคงมีการแอบอัดคลิปวิดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์เพื่อแบล็คเมล์ใช้กดดันผู้เสียหายให้มาพบในครั้งต่อไป

นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้จักกับชายคนดังกล่าวจากเฟซบุ๊ก และได้คบหาดูใจกันเมื่อช่วงต้นปี 65 จากนั้นได้มีการเลิกลากันไป เนื่องจากภายหลังคบหาดูใจกันได้ประมาณ 3 เดือน ผู้ก่อเหตุมีพฤติการณ์สร้างบัญชีเฟสบุ๊คปลอมขึ้นมา เพื่อประจานข่มขู่ตนให้กลับมามีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง หากไม่ทำตาม คลิปวิดีโอที่ชายคนดังกล่าวได้ทำการแบล็กเมล์จะถูกเผยแพร่ไปยังคนรอบข้าง (ซึ่งตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าถูกแอบถ่าย) ทำให้ตนอับอายขายหน้า และไม่สามารถประกอบอาชีพได้อย่างปกติ จึงต้องจำยอมไปพบชายคนดังกล่าวเพื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้เรื่องจบ

โดยชายคนดังกล่าวนัดหมายให้ไปพบที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง แต่เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้ว ชายคนดังกล่าวไม่ได้ทำตามที่บอกกล่าวไว้ และยังคงมีพฤติกรรมแบล็กเมล์อัดคลิปวิดีโอระหว่างมีเพศสัมพันธ์เช่นเดิม และยังนำไปประจานถึงบ้านแม่ของตนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ที่พักอาศัยอยู่ที่จังหวัดอยุธยา และเมื่อแม่ของตนทราบเรื่องดังกล่าว ก็รับไม่ได้ จนต้องย้ายหนีไปพักอาศัยที่อื่นแทน เพราะเกรงว่าชายคนดังกล่าวจะตามไปรังควานอีก

ด้านนางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 34 กล่าวว่า ตนรู้จักกับชายคนดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าน้องชายของเขา ทำงานอยู่ที่บริษัทเดียวกันกับตน ตนจึงเกิดความไว้ใจและได้มีการคบหาดูใจกันเมื่อปลายปี 2561

ต่อมาปลายเดือนเมษายน ปี2562 ตนและชายคนดังกล่าวได้ทะเลาะกันในเรื่องชู้สาว จึงได้เลิกรากันไป จนกระทั่งพบว่าชายคนดังกล่าวได้คร็อปภาพบางส่วนจากคลิปวิดีโอ ขณะที่มีเพศสัมพันธ์กับตน ส่งมาให้ตนทางไลน์และข่มขู่ขอมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมพยายามเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าวกับคนรอบข้าง รวมไปถึงพ่อเลี้ยงของตนอีกด้วย จึงตัดสินใจจำยอมทำตามคำบอกกล่าวของชายคนดังกล่าว โดยการกลับไปพบและมีเพศสัมพันธ์ด้วย เพราะเชื่อใจว่าเรื่องราวจะยุติลง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ชายคนดังกล่าวยังคงแอบอัดคลิปวิดีโอเพื่อใช้แสวงหาประโยชน์ข่มขู่ตนในครั้งถัดๆไป รวมแล้วประมาณ 5-6 ครั้ง ตนจึงตัดสินใจไปแจ้งความที่ สน.ดอนเมือง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.62

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกชายคนดังกล่าวมาสอบปากคำเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.62 พร้อมเจรจาว่าให้ชายคนดังกล่าวลบคลิปวิดีโอดังกล่าวออกจากเฟซบุ๊กทั้งหมด และให้จ่ายเงินค่าเสียหายจำนวน 120,000 บาท และให้ชายคนดังกล่าวเซ็นชื่อรับทราบข้อกล่าวหาว่าได้มีการนำคลิปวิดีโอไปเผยแพร่จริง แต่สุดท้ายชายคนดังกล่าวก็ไม่ได้ทำตามเงื่อนไข รวมถึงตนเห็นว่าเรื่องเงียบไป ชายคนดังกล่าวไม่ได้มายุ่งตามรังควานอีก รวมถึงไม่ได้มีการติดต่อกันอีก ตนจึงไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด

กระทั่งวันที่ 9 ก.ค.65 ชายคนดังกล่าวได้กลับมาส่งคลิปวิดีโอที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับตนมาข่มขู่อีกครั้ง ทั้งๆที่เวลาผ่านมา 3 ปีแล้ว ตนรู้สึกว่ายังถูกคุกคามอยู่ ยังถูกตามรังควานซ้ำๆ จึงเดินทางไปแจ้งความที่ สน.ดอนเมืองอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบหน้าจึงตัดสินใจเดินทางมาร้องทุกข์กับทนายเดชา เพื่ออยากให้ชายคนดังกล่าวได้รับโทษจริงจัง และอยากให้ทุกรูปภาพที่ชายคนดังกล่าวอัปโหลดลงเฟซบุ๊ก ไม่ปรากฏอีกต่อไป เพราะตนยังทุกข์ทรมานซ้ำๆ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้ขอให้นางสาวเอ เหยื่อสาวโทรศัพท์ติดต่อไปที่เบอร์ของชายคนดังกล่าว เพื่อพูดคุยสอบถามถึงสาเหตุที่กระทำการอัปโหลดภาพนิ่ง ภาพสยิวต่างๆลงในอัลบั้มที่สร้างไว้ในบัญชีเฟซบุ๊กของชายคนดังกล่าวเอง โดยถูกตั้งค่าให้เห็นเป็นสาธารณะ เพื่อทำการประจานข่มขู่ และยังถามว่าหากจะยุติเรื่องราวดังกล่าว ยุติการคุกคามรังควาน จะต้องทำอย่างไร โดยระหว่างบทสนทนา ชายคนดังกล่าวได้ใช้น้ำเสียงหนักแน่นและไม่เกรงกลัวต่อความผิดทางกฎหมายและการกระทำใดๆของตนเอง โดยอ้างว่าตัวเองมีแบ็คใหญ่คอยช่วยเหลือทางด้านคดี พร้อมกับระบุให้ผู้เสียหายเดินทางไปพบกับชายคนดังกล่าวและกลับไปมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการอัดคลิปวิดีโอใดๆและเรื่องดังกล่าวจะยุติแน่นอน หากไม่ยอมทำตาม และข่มขู่ว่าถ้าไปแจ้งดำเนินคดี ทั้งสองฝ่ายจะต้องพินาศกันไปทั้งคู่

ขณะที่ทนายเดชา กล่าวว่า พฤติกรรมของชายคนดังกล่าว จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยต้องโทษทางคดี หมายจับอาญาที่ 932/2550 ลงวันที่ 16 มี.ค. ข้อหาเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชื่อเสียง หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเผยแพร่ภาพลามกอนาจาร โดยมีพฤติการณ์เข้าหาเหยื่อหญิงสาวด้วยการโปรโมตว่ามีอาชีพเป็นข้าราชการ และเป็นวิศวกร มีฐานะการเงินดี และเมื่อได้มีการคบหา ขณะที่มีเพศสัมพันธ์นั้น ก็จะทำการแบล็กเมล์ถ่ายคลิปวิดีโอไว้ข่มขู่ขอมีเพศสัมพันธ์ในภายหลัง

โดยจะวนเหยื่อรายอื่นๆไปเรื่อยๆ ผลัดกันวนเวียน หากเหยื่อคนไหนไม่ยอม ก็จะไปข่มขู่เหยื่อรายอื่นแทน ด้วยการประจานในบัญชีเฟซบุ๊กของชายคนดังกล่าว โดยการสร้างอัลบั้มภาพและตั้งค่าเป็นสาธารณะ เพื่อให้คนอื่นๆเห็น ซึ่งจะมีภาพนิ่งขณะมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อสาวรายนั้นๆ เมื่อข่มขู่สำเร็จก็จะทำการนัดหมายเหยื่อให้ไปพบที่โรงแรมย่านดอนเมือง โดยชายคนดังกล่าวจะนั่งเครื่องบินมาจากจังหวัดเชียงใหม่ แล้วลงเครื่องที่สนามบินดอนเมือง

ทั้งนี้ หากย้อนไปตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน มีเหยื่อสาวรวมแล้วจำนวน 6 ราย หลังจากนี้จะรวบรวมจำนวนเหยื่อของชายคนดังกล่าวทั้งหมด คาดว่าจะเดินทางไปแจ้งความกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ปอท. หรือตำรวจไซเบอร์ และ สน.ดอนเมือง พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงเหยื่อรายอื่นๆที่ไม่กล้าไปแจ้งความ โดยสามารถติดต่อและส่งข้อมูลมายังเพจทนายคลายทุกข์ของตนได้ ยินดีให้ความช่วยเหลือ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook