ฟังเสียงสะท้อนจากผู้หญิงแถวหน้าในวันสตรีไทย
เนื่องวันสตรีไทย (1 ส.ค.) หากเรามองย้อนกลับไปในอดีตค่านิยมในสังคมไทยที่มองผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลังของครอบครัว และส่งผลไปจนถึงสถานที่ทำงาน ปัจจุบันนี้คนกลับตั้งคำถามกับแนวคิดชายเป็นใหญ่มากขึ้น ขณะเดียวกันผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำองค์กรก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้ในเวทีเสวนา "พลังหญิงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย" ที่จัดขึ้นโดยสถาบันสร้างไทย
ความปลอดภัย-การเผยแพร่ภาพของผู้หญิง-ส่งเสริมสิทธิ พาผู้หญิงก้าวหน้า
นางสาวมารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2560 และผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายมิสยูนิเวิร์ส 2017 กล่าวว่า ตอนนี้ประชากรผู้หญิงในประเทศไทยมีมากกว่า 50% แต่ตัวแทนของผู้หญิงในการเมืองและธุรกิจก็ยังไม่ถึง 50% เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากเรื่องความปลอดภัย จากผลวิจัยพบว่าความเกลียดผู้หญิงเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด ขณะที่การที่สื่อเผยแพร่ภาพของผู้หญิงก็ยังจำกัด ทำให้เด็กหญิงก็มีภาพความฝันที่จำกัดเช่นกัน และสุดท้ายคือเรื่องการส่งเสริมสิทธิ์ที่ผู้หญิงจะมีความมั่นใจที่ก้าวไปในจุดที่พวกเธอมีสิทธิ
ปัจจุบันผู้หญิงไทย มีบทบาทมากขึ้น เห็นได้จากผู้หญิงสามารถสร้างความหวัง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับใครหลายคนที่อยากทำตาม แต่ที่สำคัญการที่ผู้หญิงจะมีบทบาทอยู่ในสังคมได้ ต้องรู้สิทธิของตัวเอง เพื่อให้สามารถใช้สิทธิใช้เสียงได้มากขึ้น รวมถึงการจะมีบทบาทที่เห็นเด่นชัดนั้น จะต้องคิดบวก และต้องมีความพยายาม ซึ่งจะทำให้เพศหญิงเข้ามามีบทบาทได้มากขึ้น และการจะพัฒนาประเทศให้ดีได้ นอกจากจะต้องมีผู้นำที่ดีแล้ว ต้องเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อมด้วยเช่นกัน เพราะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอนาคต
ความหลากหลายทางเพศแทนที่ชาย-หญิง
นางศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเดอะมอลล์ กล่าวว่าเมื่อก่อนการสร้างภาพพจน์ของสตรีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถูกมองว่าอยู่ในวรรณะต่ำกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงไทยเวลาไปต่างประเทศก็ถูกมองว่ามาทำเรื่องไม่ถูกกฎหมาย ถูกเหยียดว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่เคยรู้สึกว่าภูมิใจที่เป็นคนไทย แต่ขณะเดียวกันพอไปอยู่ต่างประเทศ เราจึงได้เห็นว่าข้อดีของความเป็นไทย โดยเฉพาะผู้หญิงไทยคือความอ่อนน้อม อ่อนโยน และวัฒนธรรมเหล่านี้จึงทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายของการท่องเที่ยวของโลก
แต่ในยุคปัจจุบัน บทบาทของความหลากหลายทางเพศ ได้เข้ามาแทนที่ความเป็นเพศชาย และเพศหญิง ดังนั้นจึงเห็นว่าบทบาทการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และสังคม ควรเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ซึ่งผู้นำ ทุกองค์กรต้องมีคุณสมบัติสำคัญคือความเสียสละ และสร้างศรัทธา จึงจะทำให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะรัฐบาลมีความสำคัญมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องมองประโยชน์ส่วนรวม จะต้องตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางของเอเชียให้ได้ และต้องทำให้ได้จริง ไม่เช่นนั้นจะถูกประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ แซงหน้า
ขยันทำงานไม่ได้อยากรวยแล้ว แต่อยากเห็นอนาคตของชาติ
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) กล่าวว่าพลังในการทำงานของเธอ ไม่ได้มาจากความอยากรวยมากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ก็พอแล้ว แต่สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้เธอประเทศและคนรุ่นใหม่ที่เราจะฝากอนาคตของประเทศต่อไว้ เพศสภาพ ไม่ใช่ปัญหาในการทำงาน เพราะส่วนตัวเป็นผู้หญิง ก็สามารถทำงานได้ทุกรูปแบบ และสามารถเป็นที่ยอมรับของทุกคนได้ จนประสบความสำเร็จในธุรกิจ เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่สมอง และความมั่นใจ ซึ่งผู้หญิงไทยเป็นคนที่เก่ง มีความสามารถ ซึ่งความโชคดีของหญิงไทยคือไม่ถูกกดขี่เหมือนในบางประเทศ
เธอยังย้ำว่าคนไทยมีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญที่ดีกว่าต่างประเทศในหลายๆเรื่อง จนทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย แต่สิ่งสำคัญคือต้องรีบดึงมูลค่าการลงทุนเข้ามาให้มากที่สุด ถ้าหากไทยไม่รีบทำอะไร มัวแต่ทะเลาะกัน หรือเล่นการเมืองมากเกินไป จะทำให้ไทยเสียโอกาส ดังนั้นไทยเราต้องไม่ประมาท ไม่เช่นนั้นจะถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงได้ง่าย
ส่งเสริมนักการเมืองหญิงเพื่อสันติภาพ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานที่ปรึกษาสถาบันสร้างไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้หญิงมักทำงานหนักกว่าผู้ชาย เพื่อพิสูจน์ความสามารถให้เป็นที่รู้จัก แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่สนับสนุนบทบาทผู้หญิงที่ชัดเจนกว่านี้ แต่ก็มีการเปิดกว้างมากกว่าในหลายประเทศ ดังนั้นหากทุกคนเห็นความสำคัญของความเท่าเทียม ผู้หญิงก็จะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ แต่ผู้หญิงเองต้องกล้าออกมายืน กล้าออกมาต่อสู้ ต้องมีความมุ่งมั่น เสียสละ กล้าโชว์ศักยภาพในตัวเองออกมาให้ทุกคนได้เห็น ผู้หญิงเราสามารถสร้างอนาคตให้ลูกหลานในทุกด้าน และจะมาช่วยให้เกิดความสามัคคี ภายใต้สังคมปัจจุบันที่ขัดแย้งเกลียดชังได้
นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทยที่ก่อตั้งและบริหารโดยผู้หญิงอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ ยังประกาศตั้งเป้าเพิ่มนักการเมืองหญิง พร้อมเปิดหลักสูตร More Women in Politics เสริมความพร้อมให้ผู้หญิงเข้าสนามการเมือง เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาประเทศสร้างอนาคต เช่นเดียวกับในต่างประเทศที่มีนักการเมืองคนสำคัญเป็นผู้หญิง เช่น นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมัน หรือนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของไต้หวัน บังคลาเทศ นิวซีแลนด์ สวีเดน ก็ล้วนเป็นผู้หญิง ซึ่งมีงานวิจัยสนับสนุนว่าผู้หญิงสนใจประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเองมากกว่า มีแนวทางสันติกว่า และเข้าไปช่วยผลักดันนโยบายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตมากกว่าผู้ชาย