เรื่องวุ่นๆ ของสาวควบสาม แอบแฟนนัวกิ๊ก 2 คน จนตั้งท้อง ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก
หมอหัวจะปวด สาวแอบแฟนไปนัวกิ๊กต่างชาติ 2 คน จนตั้งท้อง โร่ปรึกษาแพทย์ ใครเป็นพ่อเด็กกันแน่
เว็บไซต์ Ettoday รายงานว่า นพ.เจิ้ง เฉิงเจี๋ย แพทย์สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาชื่อดัง ได้เล่าในรายการ 醫師好辣 ว่า เขาเคยเจอหญิงสาววัย 30 ปี เข้ามาที่คลินิกผู้ป่วยนอก เพื่อขอคำปรึกษาหลังจากที่ตั้งครรภ์โดยไม่ทันตั้งตัว
หญิงสาวคนดังกล่าว เปิดเผยว่า เธอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มชาวไต้หวันโดยไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน และแอบแฟนหนุ่มไปมีเพศสัมพันธ์กับกิ๊กชาวอังกฤษและชาวญี่ปุ่นภายใน 2 วัน ก่อนเธอจะพบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ จึงมาขอความช่วยเหลือจากแพทย์ในการ "หาพ่อของเด็ก" หรือหาทางออกอื่นๆ ทำเอาคุณหมอถึงกับส่ายหัวเมื่อได้ยินเรื่องรักสี่เส้าสุดซับซ้อน
นพ.เจิ้ง เฉิงเจี๋ย กล่าวว่า หญิงสาวสารภาพว่า ปกติเวลาเธอและแฟนเป็นชาวไต้หวันมีเพศสัมพันธ์กันจะไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน อาศัยแค่คำนวณช่วงระยะเวลาปลอดภัยและหลั่งนอกร่างกายเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ภายหลัง 2 วันจากวันวาเลนไทน์ เธอได้ไปมีความสัมพันธ์ที่เร่าร้อนกับกิ๊กหนุ่มชาวอังกฤษและชาวญี่ปุ่น รวม 4 ครั้ง ใน 36 ชั่วโมง
นพ.เจิ้ง เฉิงเจี๋ย กล่าวว่า ไม่นานหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเธอคิดว่าแฟนของเธอต้องเป็นพ่อเด็กแน่ๆ เพราะแฟนค่อนข้างแข็งแรง เก่งในเรื่องบนเตียง และทำกับแฟนก่อน 2 รอบ
แต่ความคิดดังกล่าวนั้นผิดมหันต์ เมื่อแพทย์บอกว่ามันยากที่จะใช้ทักษะทางเพศ หรือรูปร่างตัดสินว่าใครคือพ่อเด็ก รวมถึงเป็นไปได้ยากที่จะบอกว่าอสุจิของคนทำก่อนหรือหลังทำให้เธอตั้งท้อง
ยิ่งหญิงสาวได้ฟังมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น และเธอก็ขอร้องให้แพทย์หาวิธีที่จะระบุได้ว่าอสุจิของใครที่ทำให้เธอตั้งครรภ์ งานนี้ นพ.เจิ้ง เฉิงเจี๋ย พูดติดตลกว่า "คุณคิดว่าอสุจิมันห้อยธงชาติอยู่หรือ"
จากนั้นเขาก็อธิบายว่าสามารถทดสอบความเป็นพ่อด้วยการสุ่มตัวอย่างขนได้ แต่จะปลอดภัยกว่าเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 10 สัปดาห์ เพราะต้องอาศัยตัวอย่างเลือดของมารดา เพื่อให้ได้ผลอัตราความแม่นยำที่ถูกต้อง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จำเป็นต้องได้รับเส้นผมของชายหนุ่มทั้งสามคนเพื่อระบุตัวตน ซึ่งหญิงสาวก็รีบตกลง โดยบอกว่า "เพราะเรายังอยู่ด้วยกัน"
นพ.เจิ้ง เฉิงเจี๋ย ฟังความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง 4 คนนี้ ถึงกับมึน จึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ความสัมพันธ์ของคุณซับซ้อนเกินไป แม้ว่าคุณจะอยากมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่คุณควรใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนของคุณ อย่างน้อยก็อีกสองคน นี่มันเกินจริงเกินไปแล้ว"
นอกจากนี้ นพ.เจิ้ง เฉิงเจี๋ย กล่าวว่า หญิงสาวคนดังกล่าวคิดว่าความก้าวหน้าทางการแพทย์สมัยใหม่จะมีประสิทธิภาพในการทำได้ทุกอย่าง แต่ในความเป็นจริง ความซับซ้อนนั้นมากเกินไป ก่อนจะแนะนำว่าหากผู้ป่วยไม่มีความพร้อมที่จะเป็นคุณแม่ ก็สามารถเข้ารับการสิทธิยุติการตั้งครรภ์อย่างถูกกฎหมายได้
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ นพ.เจิ้งเฉิงเจี๋ย ถึงกับถอนหายใจออกมา และบอกว่า "บางครั้งคุณคิดว่าแพทย์ที่มีชื่อเสียงสามารถทำทุกอย่างได้ แต่ก็ไม่ได้ทำได้ทุกอย่างขนาดนั้น" แพทย์ทุกคนมีจุดแข็งของตนเอง นอกจากสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาแล้ว เขาเชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาและมะเร็งทางนรีเวช แต่เขาไม่ค่อยเก่งเรื่องภาวะมีบุตรยากและสูติศาสตร์