"ปราง กัญญ์ณรัณ" ความอิ่มเอมในจุดที่ภูมิใจที่สุด เผยป่วยจนเครียด คิดว่าต้องออกจากวงการ
หากจะพูดถึงนักแสดงสาวมากความสามารถที่หาตัวจับยากอีกหนึ่งคนก็ต้องยกให้ ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล สาวสวย เก่ง ครบสูตร ที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมายาวนาน ฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา เก่งจนก้าวไปสู่จุดที่แฟนๆ หลงกันทั่วบ้านทั่วเมือง โด่งดังเป็นพลุแตกในบท แม่หญิงจันทร์วาด จากละคร บุพเพสันนิวาส จนถึงตอนนี้กระแสและความนิยมในตัวปรางก็ยังไม่ลดลงแถมยังมีผลงานออกมาให้ชมแบบไม่ขาดสาย
อย่างล่าสุดเจ้าตัวพลิกบทบาทครั้งใหญ่ทิ้งบทสาวเรียบร้อยมาเป็นสาวแก่นแก้ว กับบท "สาริกา" ในละครฟอร์ยักษ์ "ฟ้าเพียงดิน" ทางช่อง one31 ที่ปรางออกปากว่าทุ่มสุดตัวให้กับละครเรื่องนี้ ทำหลายอย่างที่ไม่เคยทำ
เมื่อ sanook.com มีโอกาสพูดคุยกับสาว ปราง เลยต้องให้เจ้าตัวเล่าถึงความพิเศษของละครเรื่องนี้หลังจากเป็นนักแสดงอิสระแบบเต็มตัว พร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิต เผชิญอาการป่วยแพ้ภูมิตัวเอง ที่ทำเอาเครียดจนคิดว่าต้องออกจากวงการ รวมทั้งชีวิตหลังผ่านจุดสูงสุดในชีวิตนักแสดง จนถึงตอนนี้ความสุขยังคงอิ่มเอมในหัวใจ
"ฟ้าเพียงดิน รับบทเป็น สาริกา ค่ะ ในเรื่องเป้าหมายของสาริกาคือการมาทวงสมบัติที่เป็นของเรา แต่จะไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้เลยจนกว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม เรื่องนี้ก็ต้องเจอกับ ฟิล์ม ธนภัทร รับบทเป็น เทวราช ซึ่งเขาก็คิดว่าเขาเป็นเจ้าของสมบัตินั้นโดยที่ไม่รู้ตัวว่าเขาไม่ใช่ตัวจริง เราก็ต้องฟาดฟันกับเขา แต่จริงๆ เขาสองคนมีความสัมพันธ์ในวัยเด็กคือรักเหมือนพี่น้องกัน แต่ตัวเทวราชจะจำน้องไม่ได้เลย ก็เรียกว่ามีความสัมพันธ์อันดีกันมาก่อน"
"เรื่องนี้เป็นละครรีเมคก็จริงแต่ปรางไม่ได้ย้อนไปดูเวอร์ชั่นเก่าๆ เลย เพราะละครนานมากแล้วหาดูยากมาก แล้วตอนเข้ามาคุยบทตอนเวิร์คช็อปเราตั้งใจทำให้ออกมาเป็นอีกเวอร์ชั่นนึง เป็นเวอร์ชั่นที่เราตีความกันใหม่ ถึงแม้ว่าตัวละคร บทประพันธ์ ตัวเรื่อง โครงเรื่องจะเหมือนเดิม แต่ว่าเราตั้งใจให้เข้ากับยุคสมัยนี้ค่ะ อยากให้มันสดใหม่ในแบบของเราค่ะ"
"ปรางว่าฟ้าเพียงดินเวอร์ชั่นนี้ เป็นพีเรียตที่เราไม่ค่อยเห็นละครในยุคนี้มานานแล้ว ประมาณ 2517 ประมาณนั้น การแต่งตัวมันเท่มาก มีความคาวบอย ปรางเชื่อว่าคนไม่ค่อยได้เห็นฟีลนี้มานานแล้ว เสื้อผ้าทุกคนสวย จัดเต็ม มีคาแร็กเตอร์ของตัวเอง ปรางชอบมาก รวมถึงโลเคชั่นต่างๆ ที่คัดสรรมาถ่าย ถ้าคนในยุคนั้นได้เห็นคงจะนึกถึงกลิ่นอายอดีตของเขา ส่วนคนรุ่นใหม่ๆ ดูก็ยังจะเข้าใจ มีความวินเทจ คำว่าพีเรียตมันกลายเป็นไม่โบราณไปเลยค่ะ"
"สาริกา" คาแร็กเตอร์แก่นสุดๆ ฉีกจากทุกเรื่องที่เคยแสดงมา
"ตัวสาริกา คาแร็กเตอร์แบบนี้เป็นสิ่งที่ปรางไม่เคยเล่นแบบนี้มาก่อนเลย ตอนแรกที่คุยกับผู้กำกับพี่เขาบอกว่าเรื่องนี้ ปรางจะต้องเป็นนิวปราง เป็นปรางคนใหม่เลย พี่เขาก็ไม่เคยเห็นปรางมุมนี้เหมือนกัน ปกติจะเล่นแบบเรียบร้อย พูดน้อย แต่เรื่องนี้แก่นมาก สู้ชีวิต เป็นคนเก็บความรู้สึก โอ้โห เรื่องนี้ปรางเล่นแล้วรู้สึกสนุกมาก มันส์มาก ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำ เรื่องนึงที่ตลกมากคือ พูดกับพี่ใหม่ ผู้กำกับว่า ตายแล้วพี่ใหม่ เรืองนี้หนูได้กระชากคอเสื้อพระเอกด้วยล่ะ (หัวเราะ) ปกติจะโดนกระทำไง เป็นเรื่องเล็กๆ แต่เราสนุกมาก เรื่องนี้ต้องขี่ม้า ยิงปืน แล้วก็มีเล่นไวโอลิน ซึ่งไวโอลินนี่ตามบทเดิมไม่มี ทำให้น้องมะลิที่เล่นเป็นเราตอนเด็กก็ต้องเล่นไปด้วย ส่วนซีนบู๊ก็มีค่ะ แต่ฝั่งผู้ชายจะเยอะกว่า จริงๆ ปรางอยากเล่นบทอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ต่อปากต่อคำเป็นคนร้ายๆ บ้าง ไม่อยากถูกกระทำแล้ว อยากสู้ และปรางก็เชื่อว่าคนดูอยากเห็น"
ร่วมงานกับช่องวันครั้งแรก แต่รู้สึกโชคดีเพราะทำงานกับคนคุ้นเคย
"โชคดีค่ะ เหมือนพอปรางมาเป็นนักแสดงอิสระ เรื่องแรกที่รับเล่นก็เป็นเรื่องนี้เลย โชคดีอีกคือผู้กำกับคือพี่ใหม่ ที่เป็นผู้กำกับบุพเพสันนิวาส เราร่วมงานกันมาเยอะ ไม่ใช่แค่กับพี่ใหม่แต่อีกหลายๆ คนในกองปรางก็รู้จัก เคยร่วมงานมาแล้ว คนที่เหมือนเด็กใหม่น่าจะเป็นฟิล์มมากกว่า (หัวเราะ) รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังเลย"
"กับฟิล์มก็สนุกค่ะที่ได้ร่วมงานกันเพราะเขาเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ได้ไปเรียนขี่ม้าด้วยกัน ได้ทำความรู้จักกันก่อนจะเข้ากองเลยทำให้ราบรื่นมากขึ้นค่ะ เราละลายพฤติกรรมกันเปิดเผยตัวตนกันหมดตั้งแต่เรียนขี่ม้าแล้วค่ะ เป็นการทำงานครั้งนึงที่สนุกมาก แฮปปี้และลงตัวมากค่ะ"
ทำไมต้องห้ามพลาดเรื่อง ฟ้าเพียงดิน เวอร์ชั่นนี้
"สำหรับปรางอย่างที่บอกเรื่องความวินเทจที่รางเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ คนทุกรุ่นทุกวัยเข้าถึงได้ สองคือ นักแสดงเรามีตั้งแต่รุ่นเด็ก รุ่นกลาง รุ่นโต ทุกคนเป็นนักแสดงที่น่าติดตาม และหารที่สามรุ่นนี้มาเจอกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ละคนสุดยอดฝีมือ ปรางยังดีใจเลยที่ได้ร่วมงานกับทุกคน อีกอย่างนึงเรื่องโลเคชั่น เรื่องนี้โลเคชั่นสวยมาก ดูแล้วอยากออกไปเที่ยวธรรมชาติแน่นอนค่ะ นอกจากเนื้อเรื่องเข้มข้นแล้วองค์ประกอบคือจัดเต็มทุกอย่างเลยอยากให้ติดตามกันค่ะ"
เผชิญโรคแพ้ภูมิตัวเอง
"ปรางป่วยเป็นแพ้ภูมิตัวเองค่ะ เพิ่งเป็นประมาณช่วงต้นปีค่ะ เป็นก่อนถ่ายละครฟ้าเพียงดินแป๊บเดียวเอง ตอนนั้นเครียดเพราะไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร เป็นโรคที่ค่อนข้างอธิบายยาก เพราะว่าแพ้หลายอย่าง ปรางไม่เข้าใจร่างกายตัวเอง แต่ว่าอาการของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป อย่างปรางเป็นแพ้ภูมิ เกี่ยวกับเส้นเลือดและผิว ผิวหน้าก็จะชอบเป็นแบบแก้มจะแดงๆ ตลอดเวลา เวลาไม่ได้แต่งหน้าก็จะเห็นว่าหน้าแดง แก้มแดง ทีนี้ไปหาหมอตรวจเลือดพบว่าเป็นแพ้ภูมิตัวเอง ก็เลยต้องมานั่งดูว่าตัวเองแพ้อะไรบ้าง เท่าที่สังเกตตัวเองก็คือเวลาร้อนมากๆ แล้วก็มีเรื่องตรวจอาหาร แพ้อาหารเยอะมาก 42 อย่าง"
"และส่วนใหญ่เป็นเรื่องจิตใจ ถ้าเครียด พักผ่อนน้อยก็จะแดงมาก ซึ่งจริงๆ มันไม่เครียดไม่ได้ อย่างตอนถ่ายละครทุกอย่างที่หมอห้ามคือต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะแสงแดด อาหาร เพราะเราทานอาหารกองถ่าย แล้วเราจะทานยังไง เราแพ้ข้าว ทานข้าวยังไม่ได้เลย ตอนนั้นก็คือผอมมาก แล้วอีกอย่างคือเรื่องความเครียด ซึ่งบทในละครมันก็เครียดน่ะ (หัวเราะ) ก็คุยกับหมอว่าทำยังไงดี เราทำงาน เรากังวลมาก กลัวเขาว่าว่าเรื่องเยอะ ร้อนก็ไม่ได้ กินอันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ มันดูเรื่องเยอะ แต่ความจริงชีวิตที่ผ่านมาคืออะไรก็ได้อยู่แล้ว ก็เลยค่อนข้างกังวล แต่โชคดีที่ทีมงานเข้าใจมาก พยายามช่วยกันดูแล รวมถึงนักแสดงอีกหลายๆ ท่านที่ช่วงที่ปรางหน้าแดงถ่ายไม่ได้เขาก็ต้องเล่นสองรอบให้ปรางอะไรแบบ ต้องขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ"
"แต่ตอนนี้ปรางอาการดีขึ้นมากค่ะ ก็เลยมีความเชื่อว่าตอนเราทำงานในกองฟ้าเพียงดินเรามีความสุขมากๆ จนลืมความเครียดอะไรหลายๆ อย่างไปเลย พอไปตรวจอีกทีหมอบอกว่าอาการดีขึ้นมาก 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ปรางเชื่อจริงๆ ว่าเพราะเรามีความสุข เพราะเรื่องความเครียดนี่เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้เลยค่ะ โรคนี้หายขาดได้ค่ะ หมอเลยแนะนำว่าถ้าปิดกล้องละครแล้วอยากให้พักสักเดือน ไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ไม่ต้องเครียด"
"ตอนนี้ดีขึ้นมากๆ จนแทบจะหายดีแล้ว ดีใจมากค่ะ ตอนแรกที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรตอนนั้นเครียดมาก เพราะละครใกล้เปิดแล้ว ตอนแรกไม่ได้คิดถึงโรคแพ้ภูมิ คิดว่าคงเป็นโรคผิวหนัง แพ้อากาศร้อน แพ้แสงแดดหรือเปล่า พยายามไปตรวจก็ไม่เจอสาเหตุจริงๆ สักที ไม่คิดว่าจะเป็นโรคนี้เพราะไม่ใช่โรคที่จะเป็นกันง่ายๆ เราเองก็ดูแลตัวเองดีมากตลอด ถามว่าโรคนี้หากเราเครียด ดูแลตัวเองไม่ดี แล้วอาการที่หนักเลยจะไปถึงจุดไหน ก็คือสามารถลามไปอวัยวะอื่นได้ค่ะ เช่น ตอนนั้นปรางเครียดจัด นอนไม่หลับ ก็จะมีอาการปวดข้อมือ หมอบอกว่าถ้ามันลามไปเรื่อยๆ อาจจะไปถึงอวัยวะภายในอันนั้นอันตราย แต่สำหรับปรางยังเป็นเคสที่ดูแลรักษาได้ หลักๆ ก็อย่าเครียด"
กลัวมาก เครียดมาก จนคิดว่าต้องออกจากวงการบันเทิง
"ตอนแรกกลัวมาก พอหมอพูดว่าแพ้ภูมิตัวเอง ปรางกลัวถึงขั้นคิดว่าตัวเองต้องลาออกจากวงการบันเทิงแล้ว พูดกับคนอื่นด้วย เพราะตอนที่เป็นไม่เห็นทางเลยว่าจะหาย เพราะมันแดงทุกวัน ตอนที่เริ่มถ่ายฟ้าเพียงดินก็ยังอาการไม่ดี ต้องอาศัยรองพื้นกลบ ถ่ายๆ อยู่ก็ต้องเบรค เครียดมาก คิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายในชีวิตแล้วก็ได้ รู้สึกว่าคงไม่มีใครอยากทำงานกับเราแล้วถ้าเราเป็นแบบนี้ แต่พอเราเริ่มใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อาการมันหายได้จริงๆ ค่ะ ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว"
ชีวิตนักแสดงอิสระ เนื้อหอม ผู้จัดตามจีบรัวๆ
"ค่ะ ก็เยอะค่ะ แต่ด้วยเรื่องบท เรื่องเวลาอะไรหลายๆ อย่าง รวมทั้งเรื่องสุขภาพ ที่อยากจะเต็มที่ให้สุขภาพเราดีก่อนด้วย ส่วนบทที่จะรับบอกตายตัวไม่ได้เลยค่ะ เพราะถ้าเป็นบทที่น่าสนใจปรางก็อยากรับ ไม่ว่าจะเรียบร้อย ร้ายๆ คือเราเข้าวงการมาสักพักแล้วผ่านมาหลายสไตล์เราก็รู้แล้วว่ายังมีบทไหนที่เราอยากเล่นและน่าสนใจ รู้จักตัวเองมากขึ้นค่ะ"
พีคที่สุดในอาชีพนักแสดง กับบท "แม่หญิงจันทร์วาด" ละคร "บุพเพสันนิวาส"
"ปรางไม่รู้ต้องขอบคุณอะไร แต่ปรางขอบคุณทุกๆ อย่างเลย เชื่อไหมคะว่าตอนนั้นกับตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นแฟนๆ ที่คอยซัพพอร์ต หรือ งานต่างๆ ที่เข้ามา หรืออะไรก็ตาม ถึงเวลาจะผ่านมา 3-4 ปีแล้ว แต่ทุกคนยังรัก เอ็นดูและชื่มเราจากบทบทนั้น เขายังชอบในความเป็นเราอยู่ เหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยค่ะ"
"ถามว่าพอผ่านจุดนั้นมาแล้ว เรากดดันกับความคาดหวังของคนไหม จริงๆ ปรางไม่กดดันเลยนะ ปรางยังทำตัวปกติ สบายๆ ผลงานต่างๆ ที่ออกมาปรางยังทำเต็มที่เหมือนเดิม ปรางไม่ค่อยกดดันตัวเองเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าอยากทำให้เต็มที่ในทุกๆ อย่างค่ะ"
ชีวิตหลังผ่านจุดที่ภูมิใจที่สุด ความสุขยังคงเปี่ยมในใจ
"ปรางพอใจมากๆ แล้วกับชีวิตนี้ที่เคยไปอยู่ในจุดๆ นั้น มันอาจจะไม่ใช่จุดที่สูงที่สุด หรือดังอะไรขนาดนั้น แต่ว่าเชื่อไหมว่านั่นคือจุดที่ปรางภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว หลังจากนั้นก็มีความสุขกับการใช้ชีวิตมาตลอด ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้กลับไปอยู่ในจุดๆ นั้นอีก แต่คิดเสมอว่าดีแค่ไหนแล้วที่เราเคยได้ไปอยู่ในจุดๆ นั้น ไม่ว่าวันนี้จะลงมาแล้ว ไม่สามารถกลับไปเทียบเท่าวันนั้นได้แล้ว แต่ภาพความทรงจำนั้นอยู่ในใจปรางตลอด ทำให้ปรางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาโดยตลอดค่ะ"
"สำหรับปราง ปรางคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว แค่ทุกวันนี้ยังมีคนซัพพอร์ตและรักเราอยู่ แค่นี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว อีกอย่างสำหรับปรางมองว่าการประสบความสำเร็จในอาชีพเรามันไม่ใช่แค่การมีชื่อเสียงจากตัวละครใดตัวะครหนึ่ง แต่การที่ยังมีคนรัก คนซัพพอร์ต ที่สำคัญไปกว่านั้นการที่เรายังมีความสุขกับการทำงานในบทบาทต่างๆ ที่เราได้รับ ปรางว่าสิ่งนี้คือประสบความสำเร็จมากกว่าอีกค่ะ"
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ทุ่มเทให้กับทุกบทบาท จริงจัง และตั้งใจกับหน้าที่เป็นที่สุด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวปรางจึงเข้าไปนั่งอยู่ในใจแฟนๆ ได้อย่างยาวนาน ขอส่งกำลังใจให้ ปราง หายจากอาการป่วยในเร็ววัน ส่วนแฟนๆ อย่าลืมติดตามละคร "ฟ้าเพียงดิน" ทางช่อง one31 และผลงานอื่นๆ ของ ปราง เชื่อว่าสาวคนนี้ยังมีฝีมือเด็ดๆ มาอวดอีกมากมายแน่นอน
อัลบั้มภาพ 43 ภาพ