ทล.แถลงแจงเหตุทิ้งศพในรถ กู้ภัยไม่เปิดรถกลัวของหาย ร้อยเวรยอมรับไม่ได้ไปที่เกิดเหตุ
กรมทางหลวง แถลง กรณีศพในรถ ตร.เจ้าของคดียอมรับไม่ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ ผลตรวจเบื้องต้นพบขั้วหัวใจฉีกขาด
วันนี้ (12 ส.ค. 65) พล.ต.ต เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง แถลงกรณีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำกลางถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ขาออกช่วงกม. 105 +700 เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 65 จึงได้มีการประสานเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุปรากฏต่อมาว่าพบศพอยู่ในซากรถดังกล่าว ณ กองบังคับการตำรวจทางหลวง
นายภาสกร ศิริภาพ เจ้าหน้าที่กู้ภัย กล่าวว่า ขอบเขตในการช่วยเหลือของกู้ภัยหากไม่พบผู้ประสบภัยจะไม่มีการเปิดค้นรถ เนื่องจากเคยมีข้อร้องเรียนว่าทรัพย์สินของผู้ประสบภัยสูญหาย จึงทำได้เพียงสังเกตเบื้องต้น ซึ่งปกติถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วมีผู้ประสบภัยนั้นจะอยู่บริเวณพวงมาลัย เทไปด้านหน้าหรือด้านซ้ายและด้านขวา แต่จากการสังเกตเบื้องต้นไม่พบสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไม่พบอวัยวะส่วนอื่นส่วนใดอยู่บริเวณนั้น ไม่พบคราบเลือด สิ่งที่พบมีเพียงของที่กระจัดกระจายอยู่
ส่วนคำถามที่ทำไมถึงไม่เปิดประตูฝั่งขวานั้น นายภาสกรแจ้งว่า มองหาเบื้องต้นแล้วว่าไม่พบ จึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ และตนคิดว่ามีผู้หวังดีพาไปโรงพยาบาลแล้ว ตนจึงให้คำตอบเพียงว่ายังไม่พบผู้บาดเจ็บ แต่ไม่แน่ใจว่าผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเคยมีประสบการณ์ที่ผู้ขับขี่รถยนต์ผ่านมาเจอแล้วนำไปส่งโรงพยาบาล จึงคิดว่าครั้งนี้จะมีผู้หวังดีนำไปส่งพยาบาลเหมือนกับที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.ท. รัตพล วรรณะ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ยอมรับว่าภายในที่เกิดเหตุไม่มีพนักงานสอบสวน ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เพราะปกติหากมีการรายงานว่ามีเหตุชนกันโดยไม่พบผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บ และมีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุถือว่าเพียงพอแล้วในการประกอบคดีและจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายรถเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน
โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้รับเป็นช่วงของการเกิดเหตุที่ส่งกันผ่านไลน์ พบว่าเกิดอุบัติเหตุเอง ไม่มีการเฉี่ยวชน พร้อมได้รับคำยืนยันจากกู้ภัยว่าไม่มีผู้บาดเจ็บ และหลักฐานที่มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิต และตนเชื่อมั่นในชุดเจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจสอบ เพราะเจ้าหน้าที่มีความละเอียดในระดับหนึ่งและมีความเป็นไปได้ที่ผู้บาดเจ็บอาจจะเดินทางไปโรงพยาบาลแล้ว จึงอนุญาตให้เคลื่อนย้ายรถออก
ขณะที่ พ.ต.อ. นพ. ปกรณ์ วะศินรัตน์ ผู้แทนสถาบันนิติเวชวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ผลการตรวจภายในเบื้องต้น พบเป็นภาวะการบาดเจ็บที่รุนแรงจากการฉีกขาดของขั้วหัวใจ จากตำราถือเป็นการบาดเจ็บที่รุนแรงและสามารถเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที ค่าเฉลี่ยการเสียชีวิตทันทีประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์นั้นก็คือเป็นเคสของผู้ป่วยหนักที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการรักษาเร่งด่วนทางการแพทย์
และนายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนกรมทางหลวง กล่าวว่า กรณีนี้กรมทางหลวงจะเข้าไปรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ขณะนี้ได้มีการประสานงานกับลูกสาวของผู้เสียชีวิตในด้านของการจัดงานพิธีต่างๆจะจัดให้ดีที่สุด โดยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานทั้ง 3 วัน และท่านอธิบดีได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อที่จะสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้ความชัดเจนในทุกประเด็นแน่นอน