รัฐบาลแจงประชาชน ขอให้มั่นใจ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไม่กระทบหนี้สาธารณะ

รัฐบาลแจงประชาชน ขอให้มั่นใจ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไม่กระทบหนี้สาธารณะ

รัฐบาลแจงประชาชน ขอให้มั่นใจ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไม่กระทบหนี้สาธารณะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐบาลขอให้มั่นใจ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไม่กระทบหนี้สาธารณะ สิ้นปีคาด 61.3% ต่อจีดีพี ธนาคารรัฐพร้อมตรึงดอกเบี้ยให้นานที่สุด

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สอดรับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ธนาคารของรัฐตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และออกมาตราการที่จะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 เพื่อลดผลกระทบแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ

จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จาก 0.25% เป็น 0.75% ต่อปี ขณะนี้ ธนาคารของรัฐหลายแห่ง ได้ออกประกาศในเบื้องต้น ที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด คาดว่า จะถึงสิ้นปี2565 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการออม และให้ประชาชนได้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่กำลังเริ่มกลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ในส่วนของ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ซึ่งมีบทบาทการค้ำประกันสินเชื่อ พร้อมเดินหน้าตามนโยบายรัฐ ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs อย่างเต็มที่ทุกด้านเช่นกัน โดยจะขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้  “บสย. พร้อมช่วย” ไปจนถึงสิ้นปี 2565 เป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้  แก้หนี้ยั่งยืน ให้ลูกหนี้สามารถประคองกิจการต่อไปได้ เน้นความยืดหยุ่นการชำระหนี้

สำหรับภาพรวมการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยย่อมทำให้ต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาลสูงขึ้น แต่ด้วยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ที่ผ่านมามีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงอยู่แล้ว จึงไม่มีประเด็นที่ต้องกังวล โดยได้ดำเนินการเปลี่ยนการกู้เงินระยะสั้นที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว (Float Rate) มาเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fix Rate) มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 82% ส่วนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนนั้นไม่มี เพราะรัฐบาลมีหนี้ต่างประเทศแค่ 1.8% และได้ทำการปิดความเสี่ยงไปหมดแล้ว

ขณะที่ ปีงบประมาณ 2566 แผนการบริหารจัดการต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาล จะเน้นกู้เงินผ่านการออกพันธบัตรระยะยาว จากปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 45% ปรับเพิ่มเป็น 48% การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะอยู่เท่าเดิมที่ 25% ขณะที่การออกตั๋วเงินคลังและการกู้เงินระยะสั้นจากตลาด จะลดลงมาอยู่ที่ 14% จากเดิมที่ 18%

ทั้งนี้ ภาพรวมหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นเดือน มิ.ย.2565 สบน. รายงานว่า อยู่ที่ 61.06% ซึ่งมีการคาดการณ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า สิ้นปีงบประมาณ 2565 นี้ หนี้สาธารณะต่อจีดีพี จะอยู่ที่ 62.69% แต่ด้วยปัจจุบันมูลค่าจีดีพีเพิ่มขึ้น และมีการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะทั้งหมด ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปีงบประมาณ 2565 สัดส่วนหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 61.3%

“การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของกนง. เป้าหมายเพื่อให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ และสอดคล้องกับสภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ รัฐบาลได้ให้ธนาคารของรัฐตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพิจารณาออกมาตรการดูแลลูกหนี้ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด19 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการ ส่วนเรื่องต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาลที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามมา ยังไม่มีประเด็นที่ต้องกังวล เพราะ สบน.มีการจัดการความเสี่ยงเรื่องการผันผวนของอัตราดอกเบี้ย และแผนการบริหารต้นทุนกู้เงิน ไว้อยู่แล้ว”

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook