"แพรรี่ ไพรวัลย์" แหกกฎเพื่อแม่ ยอมให้พระเจิมรถ สุดท้ายไม่ได้เจิม สงสัยหลวงพ่อมีญาณ

"แพรรี่ ไพรวัลย์" แหกกฎเพื่อแม่ ยอมให้พระเจิมรถ สุดท้ายไม่ได้เจิม สงสัยหลวงพ่อมีญาณ

"แพรรี่ ไพรวัลย์" แหกกฎเพื่อแม่ ยอมให้พระเจิมรถ สุดท้ายไม่ได้เจิม สงสัยหลวงพ่อมีญาณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"แพรรี่ ไพรวัลย์" แหกกฎของตัวเองเพื่อแม่ ยอมเอารถไปให้พระเจิม แต่สุดท้ายไม่ได้เจิม สงสัยหลวงพ่อมีญาณรู้ถึงจิตใจ

หลังลาสิกขาออกมาเป็นฆราวาส ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปมากพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ สำหรับ ไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ อดีตพระมหาไพรวัลย์ ซึ่งปัจจุบัน ได้แปลงโฉมเปลี่ยนลุคอย่างที่ใจตัวเองต้องการ และมีชื่อใหม่ว่า แพรรี่ ซึ่งตั้งแต่สึกมาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน จนสามารถซื้อรถหรู BMW ด้วยเงินสดกว่า 3.6 ล้านบาท

หลังได้รับรถป้ายแดงมาเป็นที่เรียบร้อย แพรรี่ก็เผยว่า ขอบคุณตัวเองที่กรุณามอบรถคันนี้เป็นของขวัญให้ รู้สึกหายเหนื่อย และมีกำลังใจที่จะทำงานให้มากยิ่งขึ้นไปอีก และที่สำคัญขอบพระคุณคนรักรอบ ๆ ข้างทุกคน ทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้อง และพี่ ๆ เพื่อน ๆ ร่วมงาน อะไรที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนเป็นรางวัลกำไร และเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อจิตใจทั้งหมด



นอกจากนี้ แพรรี่ยังเขียนเล่าเรื่องราวน่ารักๆ เกี่ยวกับแม่และรถหรูคันใหม่ ในเรื่องการเจิมรถ ด้วยว่า ส่วนตัวเป็นคนไม่ได้นิยมเรื่องการบูชาวัตถุมงคล และการเสกเจิมใดๆ ตั้งแต่ตอนบวชเป็นพระ และตั้งใจยึดถือเรื่องนี้เป็นกฎเหล็ก แต่ทว่า ครั้งนี้แม่คะยั้นคะยอขอให้เจิมรถเพื่อความเป็นสิริมงคล และความเป็นห่วงลูก และด้วยความรักแม่จึงยอมแหกกฎเหล็กนี้ แม้จะไม่อยากทำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจิม เป็นการเจิมที่ไม่ได้เจิม…

"มีเรื่องเล่าน่ารักๆ อยากจะมาเล่าให้ฟังก็คือว่า เนื่องจากดิฉันเป็นคนที่ไม่พราหมณ์และไม่ไสยเด็ดขาด คือไม่นิยมเรื่องการบูชาวัตถุมงคลและการเสกเจิม อันนี้เป็นกฎเหล็กในการดำเนินชีวิตของดิฉัน ตั้งแต่สมัยที่ดิฉันยังบวชอยู่และถึงตอนนี้ที่สึกแล้วดิฉันก็ยังคงยึดมั่นในหลักการเรื่องพวกนี้ตั้งแต่สึกมา ดิฉันออกรถมาแล้วสองคัน และทั้งสองคันที่ว่านี้ ดิฉันก็สัญญากับตัวเองว่า ดิฉันจะไม่เจิม และไม่ห้อยวัตถุมงคลหรือเครื่องลางของขลังอะไรไว้ในรถของดิฉันเด็ดขาด เอาเป็นว่า คนขายพวงมาลัยตาม 4 แยกไฟแดง ไม่ได้กินเงินดิฉันก็แล้วกัน 5555

วันนี้พอดิฉันรับส่งมอบรถคันใหม่เสร็จแล้ว ดิฉันก็พาพ่อแม่และญาติพี่น้องไปทานอาหารริมทะเล หลังทานข้าวเสร็จ ด้วยความที่แม่ดิฉันนางเป็นคนที่มีวิธีคิดแบบคนโบราณ นางเชื่อเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น นางก็คะยั้นคะยอขอร้องให้ดิฉันเอารถไปให้หลวงพ่อที่วัดเจิมให้ นางบอกว่า คุณลูกเดินทางไกล ไปเจิมสักหน่อยเถอะ แม่ขอ จะได้แคล้วคลาดปลอดภัยอ่ะ ! ด้วยความที่ดิฉันเป็นลูกกตัญญู ใจหนึ่งก็ยึดมั่นในหลักการดำเนินชีวิตของตัวเอง ใจหนึ่งก็แคร์ความรู้สึกแม่ กลัวว่า ถ้าปฎิเสธดื้อๆ เลย ไม่เอารถไปให้หลวงพ่อเจิม นางก็จะไม่สบายใจ ทำไงได้ ดิฉันก็เลยต้องขับรถเข้าไปหาหลวงพ่อที่วัด

จะด้วยความที่หลวงพ่อรู้จักกิติศัพท์ของดิฉันดีตั้งแต่สมัยที่ยังบวชอยู่หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ หลวงพ่อแม้รู้ว่าดิฉันจะเอารถไปให้เจิม แต่ท่านก็ไม่ยอมเตรียมของสำหรับเจิมอะไรสักอย่าง ไม่มีแป้งเจิมไม่มีแผ่นทอง ดิฉันแอบสงสัยว่า หลวงพ่อน่าจะมีญาณทิพย์ล่วงรู้วาระจิตใจดิฉันเป็นแน่แท้ทีเดียวเชียว 555

ดิฉันไม่รู้จะทำยังไง แม่ดิฉันก็เหมือนอยากจะให้หลวงพ่อเจิมรถให้ได้เสียเหลือเกิน บุญบาป ของเจิมไม่มีค๊าา 555 ตอนนั้นในใจดิฉันก็แอบขำอยู่คนเดียว แอบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ไม่เจิมไม่เสกอะไรในรถของดิฉัน เพราะถ้าหลวงพ่อทำแบบนั้น ดิฉันก็คงรู้สึกผิดกับตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน

แต่ถึงจะไม่ได้เจิมอะไร ขับรถไปถึงวัดขนาดนั้นแล้ว ดิฉันก็เลยกราบนิมนต์หลวงพ่อ บอกหลวงพ่อว่า ขอความเมตตาพระอาจารย์นั่งรถให้เป็นสิริมงคลสำหรับผมหน่อยนะครับ ขอความเมตตาให้ศีลให้พรพร้อมโอวาทด้วย ซึ่งท่านก็เมตตาดิฉันตามนั้น

ท่านไม่นั่งฝั่งคนขับด้วยนะ เหมือนท่านรู้ ท่านบอกว่าฝั่งนั้นมหาต้องไปนั่ง จริงๆ ท่านคงอยากจะบอกดิฉันแหล่ะว่า อาตมาขับรถไม่เป็นนะโยมม 555

ดิฉันโล่งใจมาก ที่การขับรถมาเจิมที่วัดครั้งนี้ทำให้ทุกคนสบายใจ หลวงพ่อก็สบายใจที่ไม่ได้เจิมรถให้ดิฉัน ดิฉันก็สบายใจที่หลวงพ่อไม่ได้เจิมรถให้ ส่วนอีกคนหนึ่งที่น่าจะสบายใจมากกว่าคนอื่น นั่นคงเป็นแม่ของดิฉัน เพราะนางคงคิดว่า หลวงพ่อเจิมรถให้ลูกของนางแล้ว ทั้งที่ท่านไม่ได้เจิมอะไร 5555 #กราบขอบพระคุณหลวงพ่อพระอาจารย์ที่เมตตาค่ะ"

ซึ่งนอกจากแฟน ๆ ที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับรถยนต์คันใหม่ของแพรรี่ แล้วยังพากันส่องเลขทะเบียนป้ายแดง เพื่อหวังเสี่ยงโชค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook