ฟังก์ชั่นแน่น! "รถโรงเรียน" ของไต้หวัน ออกแบบอย่างใส่ใจ มีประตูฉุกเฉิน-ระบบเตือนล็อกรถ

ปลอดภัยหายห่วง "รถโรงเรียนอนุบาลไต้หวัน" ครูดูแลใกล้ชิด ระบบเตือนสุดทันสมัย แถมมีประตูฉุกเฉินด้วย ไร้ปัญหาลืมเด็กบนรถ

กรณีข่าวสลดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เด็กเสียชีวิตบนรถรับส่งนักเรียน เนื่องจากถูกลืมปล่อยทิ้งไว้ภายในเป็นเวลานาน ทำให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตลงอย่างสลด ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

ทำให้ผู้คนต่างตั้งข้อสงสัยว่าปัญหาเกิดจากอะไร เพื่อจะได้แก้อย่างตรงจุด ประการแรกมุ่งไปที่ความประมาทและละเลยของคนขับรถ ที่ไม่ได้ตรวจสอบภายในรถให้ดีเสียก่อน ว่ายังคงมีเด็กหลงเหลืออยู่ด้านใน และประการต่อมาคือลักษณะของการออกแบบรถตู้รับส่งนักเรียน ที่อาจนำมาเป็นข้ออ้างได้ว่า จุดที่เด็กถูกลืมนั้นเป็นจุดที่มองไม่เห็น

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 ทางเพจเฟสบุ๊ก แม่บ้านไต้หวัน Version A mom of 2sons in Taiwan ได้เคยแบ่งปันรูปภาพ รถโรงเรียนอนุบาลไต้หวัน ที่นอกจากตัวรถจะถูกออกแบบมาอย่างปลอดภัย และมีครูคอยอยู่ดูแลตลอดการเดินทางแล้ว ยังมีการมีอบรมให้ความรู้กับเด็กๆ เรื่องการเอาตัวรอดในกรณีรถตู้มีปัญหาด้วย

โดยทางเพจระบุข้อความว่า " โรงเรียนอนุบาลในไต้หวันมีรถรับส่งนักเรียนหน้าตาแบบนี้จ้า.... เพื่อความปลอดภัย และมองเห็นได้ชัดเจน รถรับส่งเป็นรถตู้คันสีเหลืองคาดเส้นแดงข้างตัวรถ หลังคาสีเขียว มีชื่อโรงเรียนชัดเจน

รถสามารถบรรทุกนักเรียนอนุบาลเต็มที่ได้ 16 คน และผู้ใหญ่ 3 คน ในรถต้องมีครูคุมเด็กอยู่ในรถด้วยอย่างน้อย 1 คนค่ะ มีประตูฉุกเฉินออกคือด้านหลัง

บางคันนี่ทันสมัยมาก...มีบันไดไฟฟ้าพับเก็บอัตโนมัติสะดวกเวลาลงรถ-ขึ้นรถ และมีระบบเตือนถ้ารถไม่ล็อค รถก็จะสตารท์ไม่ติดด้วยนะเออ

เราเห็นรถตู้รับส่งน่าจะวิ่งระยะใกล้ๆในรัศมีไม่เกิน 20 กิโลเมตรนะ

เด็กนักเรียนที่ต้องนั่งรถตู้รับส่งบางที่มีอบรมให้ความรู้การเอาตัวรอดในกรณีรถตู้มีปัญหาด้วยนะ

#TaiwanSchoolBus #娃娃車 #ความน่ารู้ทั่วไปในไต้หวัน

ป.ล. นี่เพจแม่บ้าน ไม่ใช่เพจให้ความรู้ เสนอข้อมูลจากที่เราพบเจอและแนวคิดสไตล์เราเองถ้าหวังข้อมูลเป๊ะๆต้องไปศึกษาเองค่ะ "

•  ผปค.ไม่โอเค ครูอนุบาลจัดที่นอนแปลก "เท้าโดนหัวลูก" แต่รู้เหตุผลทึ่ง พ่อแม่ยังคิดไม่ถึง
• แม่ไม่สบายใจ ลูกชอบกรีดร้อง-ทำท่าแปลกๆ ตอนทำการบ้าน รู้ต้นเหตุยิ่งปวดใจ

ทั้งนี้ แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 แต่ก็เห็นได้ว่าไต้หวันมีความใส่ใจต่อคุณภาพชีวิตของเด็กตัวเล็กๆ เป็นอย่างมากมาโดยตลอด และเชื่อว่าในปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีกด้วย