ผิดที่ไว้ใจ เจ้าของร้านขายยาถูกหลอกเล่นหุ้นดาวโจนส์ ลงทุน 3 ปี สูญเงิน 206 ล้าน

ผิดที่ไว้ใจ เจ้าของร้านขายยาถูกหลอกเล่นหุ้นดาวโจนส์ ลงทุน 3 ปี สูญเงิน 206 ล้าน

ผิดที่ไว้ใจ เจ้าของร้านขายยาถูกหลอกเล่นหุ้นดาวโจนส์ ลงทุน 3 ปี สูญเงิน 206 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าของร้านขายยาถูกหลอกเล่นหุ้นดาวโจนส์ ลงทุน 3 ปี สูญเงิน 206 ล้าน เสียรู้เพราะรู้จักกันมาแต่เด็ก สร้างโปรไฟล์ให้ดูดี อวดรวยลงเฟซบุ๊ก

(31 ส.ค.65) นางเกษยา เจ้าของร้านขายยาแห่งหนึ่งใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ นางสาวอาทิตยา เข้าพบ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เพื่อให้ปากคำหลังตกเป็นผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนหุ้นต่างประเทศ (ดาวโจนส์) จนทำให้สูญเงินไปกว่า 206 ล้านบาท

ผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่าในปี 2562 ได้ถูก นส.กุ๊กไก่ (นามสมุติ) ชักชวนร่วมลงทุนหุ้นต่างประเทศ บอกว่าจะได้ผลตอบแทน 200 เปอร์เซ็นต์ จากเงินที่ลงทุนในระยะเวลา 6 เดือน จากนั้นตนเองได้รวบรวมโฉนดที่ดินและสมุดบัญชีธนาคารทุกธนาคารมอบให้ผู้ต้องหาไป ซึ่ง น.ส.กุ๊กไก่ อ้างว่าจะต้องใช้หลักฐานเหล่านี้ดำเนินการในเรื่องของการเสียภาษีเนื่องจากเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ จากนั้นได้เริ่มโอนเงินลงทุน ครั้งแรกเดือนตุลาคม 2562 จำนวนเงินรวม 5 ล้านบาท

ต่อมาก็ได้ทยอยโอนเงินให้ น.ส.กุ๊กไก่ ครั้งละ 5-36 ล้านบาท รวม 17 ครั้ง รวมเงินทั้งสิ้น 206 ล้านบาท โดย น.ส.กุ๊กไก่ รับปากว่า จะโอนเงินผลกำไรจากการลงทุนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2562 แต่ก็เงียบหายไป ไม่ได้เงินแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อสอบถามไปหลายครั้งก็ถูกบ่ายเบี่ยงอ้างสารพัด ด้วยความสงสารจึงให้เวลาไปหลายครั้ง จนเมื่อต้นเดือนเมษายน 2565 พวกตนเองก็แน่ใจแล้วว่าถูกหลอก จึงรวบรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 ในคดีฉ้อโกง

จากนั้นวันที่ 22 เมษายน 2565 ตนเองได้เดินทางไปหาผู้ถูกกล่าวหาที่บ้านในกรุงเทพมหานคร เพื่อขอสมุดบัญชีธนาคารทุกธนาคารและโฉนดที่ดินคืน แต่ น.ส.กุ๊กไก่ อ้างว่าไม่ได้เก็บเอกสารทั้งหมดไว้ที่บ้าน อ้างว่าพนักงานบัญชีเอาไปเก็บไว้ต่างจังหวัดและจะรีบนำมาคืนให้ทั้งหมด ต่อมาวันที่ 24 เมษายน 2565 น.ส.กุ๊กไก่ เดินทางมาที่ สภ.ฝาง โอนเงินให้ผู้เสียหายจำนวน 5 ล้านบาท จากนั้นก็ไม่ได้อีกเลยและยังอ้างว่าจะโอนบ้านให้ผู้เสียหาย ให้ไปรอที่สำนักงานที่ดินบางกะปิ วันที่ 25 เมษายน 2565 แต่ไม่มาตามนัด

ในช่วงตำรวจเข้าสืบสวนคดีก็พบว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ปลอมแปลงเอกสารจำนวน 25 ครั้ง เช่น เอกสารการเดินบัญชีธนาคาร ใบเสร็จเสียภาษีกรมสรรพกร ที่ทำปลอมขึ้นมา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งดำเนินคดีต่างกรรรมต่างวาระ จำนวน 25 คดี รวมคดีฉ้อโกง 17 ครั้ง หรือ 17 คดี รวมทั้งคดีฟอกเงินอีกด้วย นางเกษยา เจ้าของร้านขายยา

ผู้เสียหาย บอกว่ารู้จักผู้ถูกกล่าวหามาตั้งแต่เด็ก รู้จักพ่อและแม่ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งครอบครัว จนวันหนึ่งผู้ถูกกล่าวหารายนี้ได้ขับรถเบนซ์เข้ามาที่ร้าน เล่าว่ามีเงินมากจากการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมชักชวนให้ร่วมลงทุนอ้างว่าได้ผลกำไรจำนวนมาก โดยผู้ถูกกล่าวหาได้เอาเอกสารต่างๆ เช่น เอกสารการโอนเงินในการลงทุน และ แสดงสเตทเมนต์รายรับรายจ่ายบัญชี ตนเองจึงหลงเชื่อร่วมลงทุน แต่พอมารู้ตัวว่าถูกหลอกได้พยายามขอเงินคืนตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2565 เป็นต้นมา และ เข้าแจ้งความดำเนินคดี

นางเกษยา บอกว่า ค้นหาประวัติในเฟซบุ๊กของผู้ถูกกล่าวหา พบว่า ผู้ต้องหาได้ใช้เงินซื้อสินค้าราคาแพง เช่น กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง และ ไม้กอล์ฟราคาหลักแสนบาท และยังสนับสนุนเงินการประกวดนางงามเวทีใหญ่ ซึ่งเชื่อว่านำเงินที่ได้ไปใช้กับเรื่องเหล่านี้

พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานในทุกคดีที่เรารับผิดชอบ จะรวบรวมหลักฐานให้ละเอียดรอบคอบ บางครั้งอาจจะไม่รวดเร็ว แต่ต้องทำสำนวนให้ละเอียดรอบคอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย ซึ่งในคดีนี้เป็นลักษณะของการหลอกลวง ฉ้อโกงประชาชน และคดีปลอมแปลงเอกสารทางราชการซึ่งมีผู้เสียหายในคดีนี้รายเดียวและเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบในคดีฟอกเงินเพิ่มอีก รวมเป็น 3 คดี 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook