แจ้งจับภารโรง อนาจารนักเรียนหญิง 12 ขวบ ดื่มบียร์ตอนขับรถรับ-ส่ง ก่อนพาเด็กไปที่เปลี่ยว
แจ้งจับภารโรง อนาจารนักเรียนหญิง 12 ขวบ ดื่มบียร์ตอนขับรถรับ-ส่ง ก่อนพาเด็กไปที่เปลี่ยว เด็กมาคุยกับเพื่อนถึงรู้ว่าไม่ได้มีเหยื่อคนเดียว
(4 ก.ย.65) เวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรบางเสาธง จ.สมุทรปราการ ดร.เกรียงศักดิ์ พิณทุสรศรี ทนายความ พร้อมผู้ปกครองของเด็กหญิงชั้นประถมศึกษาวัย 12 ขวบ จำนวน 2 ราย เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับทาง พ.ต.ต.สถามน ประเสริฐสุวรรณ สารวัตรสอบสวน สภ.บางเสาธง เพื่อแจ้งความเอาผิดกับ นายมณเทียน เหมือนทอง นักการภารโรงของโรงเรียนคลองเจริญราฎร์ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหากระทำอานาจารต่อเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี
มารดาของเด็กหญิงผู้เสียหาย บอกว่า บุตรสาวของตนเองถูกภารโรงจับมือลูบหน้าผากแล้วเอ่ยปากถามว่ามีประจำเดือนแล้วหรือยัง ยิ่งทำให้ตนเองและบิดาของเด็กตกใจมาก ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะนี้ยังหวาดกลัวเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวเป็นอย่างมากเนื่องจากภารโรงคนนี้มักชอบดื่มสุราและยังเคยออกมาโวยวายข่มขู่หลังจากเกิดเรื่อง อีกทั้งยังมีบ้านพักหลังโรงเรียนและรู้บ้านพักของนักเรียนอีกด้วย ขณะที่ผู้ปกครองอีกรายที่ออกมาปกป้องเด็กนักเรียนรายนี้ เปิดใจว่า ตนเองมีบุตรสาวที่เรียนโรงเรียนแห่งนี้เหมือนกัน หลังจากเกิดเรื่องก็ทราบว่าทางโรงเรียนยังนิ่งเฉย ด้วยความเป็นห่วงเด็กๆ จนมีการติดต่อสอบถามไปยังทางด้านผู้อำนวยการของทางโรงเรียนเพื่อทวงถามความคืบหน้า รวมถึงการเข้าไปเยียวสภาพจิตใจของเด็ก ซึ่งกลับได้รับคำตอบว่ายังไม่ได้ดำเนินการใด ทำให้ตนเองต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเด็กและเป็นตัวแทนในที่ประชุมของโรงเรียนเพื่อทวงหาความยุติธรรม
โดยทางฝ่ายกลุ่มผู้ปกครองได้ยื่นข้อเสนอไปสามข้อในเบื้องต้นเพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับเด็กๆ โดยในที่ประชุมวันดังกล่าวยังมีการไกล่เกลี่ยตกลงให้มาร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงและลงประจำวันที่สถานีตำรวจ แต่ทางด้านผู้ปกครองและผู้เสียหายยังหวาดกลัวเรื่องความปลอดภัยอีกทั้งเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับนักการภารโรงรายนี้
นายโต (นามสมมุติ) บิดาของนักเรียนหญิงอีกราย เปิดใจเล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่มีครูประจำชั้นของลูกสาวโทรมาแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ฟัง ตนเองจึงไปพูดคุยกับลูกสาว จนยอมรับว่าถูกทางด้าน นายมณเทียน นักการภารโรงกระทำอนาจารจริง โดยวันเกิดเหตุเป็นวันที่ทางโรงเรียนหยุดเรียนครึ่งวัน บุตรสาวซึ่งต้องนั่งรถรับส่งของทางภารโรงคนนี้ไปกลับบ้านพักทุกวันเนื่องจากเป็นรถรับส่งนักเรียนที่ทางภารโรงรับจ้างรับส่งนักเรียน
วันเกิดเหตุหลังจากเลิกเรียน นักการภารโรงรายนี้ปกติแล้วจะต้องพาเด็กๆไปส่งตามบ้านพักที่กำหนดไว้ในเส้นทาง ส่วนบุตรสาวของตนเองจะเป็นคนลงคนสุดท้ายของรถ วันเกิดเหตุมีการแวะซื้อเบียร์ดื่มในระหว่างขับรถจากนั้นก็ตระเวนส่งเด็กคนอื่นจนเหลือเพียงบุตรสาวของตัวเอง พอจะถึงทางเลี้ยวเข้าบ้านพัก ภารโรงคนนี้กลับไม่เลี้ยวและขับรถเลยไปเข้าซอยเปลี่ยวข้างหน้าแล้วก่อเหตุกระทำอานาจารลูกสาวทั้งกอดหอมแก้มจนลูกสาวขัดขืนและโวยวาย ทำให้ต้องพากลับมาส่งบ้าน ซึ่งตอนแรกบุตรสาวไม่กล้าเล่าเรื่องราวดังกล่าวให้พ่อแม่ฟัง จนกระทั่งมีการไปพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนในรถที่ไปด้วยกัน ซึ่งจะมีทางด้านนักเรียนตัวแทนสภานักเรียนรวมอยู่ด้วย และปรากฏว่าไม่ใช่บุตรสาวของตนเองที่ถูกกระทำคนเดียว ยังมีเด็กนักเรียนหญิงอีกรายที่ขึ้นรถสายเดียวกันคันเดียวกันถูกกระทำอีกด้วย ทำให้ตัวแทนสภานักเรียนนำเรื่องดังกล่าวมาปรึกษากับครูประจำชั้นจนเรื่องแดงขึ้นมา
หลังจากนั้นทางด้านโรงเรียนโดยผู้บริหารได้มีการเรียกคุยและพยายามเจรจาเรื่องราวทั้งหมดให้จบลงภายในโรงเรียนโดยอ้างว่ากลัวจะเสียชื่อเสียงของทางโรงเรียน ที่ผ่านมาเคยเข้าไปพูดคุยในโรงเรียนแล้วถึงสองครั้งจนกระทั่งครั้งล่าสุดมีทั้งตัวแทนท้องถิ่น เทศบาล กำนัน คณะกรรมการศึกษา ผู้ปกครอง เข้าร่วมพูดคุย โดยมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับทางภารโรงคนนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่าก่อเหตุจริง ทางโรงเรียนจึงให้ออกจากราชการทันที แต่กลับพบว่ายังไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายกับภารโรงรายนี้ อีกทั้งยังพบว่าหลังจากเกิดเรื่อง ภารโรงรายนี้ได้ย้อนกลับมาที่โรงเรียนด้วยท่าทีที่เมาสุราและโวยวายข่มขู่ในโรงเรียนจนสร้างความหวาดกลัวให้กับครูในโรงเรียนรวมถึงความปลอดภัยของเด็กและผู้ปกครองจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเอาผิดในครั้งนี้ ตอนนี้ยอมรับว่านอกจากจะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังห่วงสภาพจิตใจของลูกสาวมาก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมาลูกสาวจากคนนิสัยร่าเริงกลายเป็นคนเงียบ ซึม และเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง
ด้าน ทนาย ดร. เกรียงศักดิ์ พิณทุสรศรี ทนายความที่เข้ามาช่วยดูแลให้ความเป็นธรรมกับทางครอบครัวของผู้เสียหายครั้งนี้ ออกมาเปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้จากการสอบถามผู้เสียหาย พบว่านักการภารโรงรายนี้ส่อไปในทางไม่ดี เนื่องจากมีการขับรถออกนอกเส้นทางและลวงเด็กไปก่อเหตุ ซึ่งการมาแจ้งความในครั้งนี้ฝ่ายผู้เสียหายยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าทางด้านผู้ถูกกล่าวหาจะออกมาปฏิเสธ แต่พยานหลักฐานไม่ว่าจะเป็นคลิปเสียงที่บิดาของเด็กหญิงมีการบันทึกเสียงไว้ขณะที่พูดคุยกับบุตรสาวเพื่อสอบถามความจริงจากปากเด็ก โดยเด็กยืนยันว่าถูกกระทำจริง ด้วยการที่ขับรถไปจอดในที่เปลี่ยวแล้วลงมานั่งข้างเด็กแล้วโอบกอดหอมแก้มเด็กจนเด็กขัดขืน อีกทั้งนอกจากจะเป็นนักการภารโรงแล้วยังเป็นคนขับรถรับส่งนักเรียนของทางโรงเรียนแล้วมาก่อเหตุเสียเอง ยิ่งต้องให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดถึงแม้ว่าจะมีการพยายามเจรจาขอให้ยอมความไม่เอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหารายนี้ เพราะถือว่าเป็นภัยต่อสังคม อีกทั้งเกิดขึ้นในรถรับส่งนักเรียนที่ทางผู้ปกครองไว้ใจมากที่สุด
ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้เดินทางมายัง สภ.บางเสาธง พร้อมกับกำนันตำบลบางเสาธง เพื่อจะร่วมพูดคุยหาทางออกและลงบันทึกประจำวันในเรื่องนี้ โดยที่ทางด้าน ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ทราบเรื่องเลยว่าฝ่ายผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความเอาผิดแล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางด้านผู้อำนวยการท่านนี้ แต่กับปฏิเสธให้ข้อมูลใดๆ โดยมีสีหน้าเคร่งเครียดทันทีที่เจอนักข่าวและทราบว่ามีการแจ้งความเอาผิดจนกลายเป็นเรื่องราวต่อสื่อมวลชนแล้ว โดยทางด้านผู้อำนวยการท่านนี้ ได้โชว์หลักฐานเอกสารที่ระบุเป็นสำนวนการสอบสวนทางวินัยของคณะกรรมการ ซึ่งมีใจความสอบสวนข้อเท็จจริงกับนักการภารโรงรายนี้ ซึ่งในสำนวนการสอบสวนระบุการให้ถ้อยคำของนักการภารโรงรายนี้ ยอมรับว่าดื่มสุราจริง ยอมรับว่ามีการถูกเนื้อต้องตัวกับนักเรียนจริงและยังยอมรับอีกว่ามีการพูดคุยต่อหน้านักเรียนในเชิงชู้สาวจริง โดยข้อมูลทั้งหมดยังไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน โดยอ้างว่าจะเตรียมแถลงข่าวในเรื่องนี้ที่โรงเรียนในวันจันทร์นี้เวลาเก้าโมงโดยจะมีคณะกรรมการเขตการศึกษาเข้ามาร่วมแถลงข่าวด้วย
ล่าสุดเวลา 15.00 น. วันนี้ นายมนต์เทียน อายุ 53 ปี อดีตนักการภารโรง ได้เดินทางมามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยเจ้าตัวออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา และอ้างว่าเด็กไม่อยากลงจากรถ ส่วนเบียร์แวะซื้อจริง แต่จะเอากลับไปดื่มที่บ้านพัก ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่ากอดและหอมแก้มเด็กนั้น นายมนต์เทียน ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวเด็กแต่อย่างใด และเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้คุมตัว นายมนต์เทียน ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งเป็นจุดที่ขับรถออกนอกเส้นทาง จุดที่ไปจอดรถก่อนจะลงไปหาเด็กผู้เสียหาย หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเตรียมนัดผู้เสียหายที่เป็นเด็กหญิงทั้งสองรายเข้าสอบปากคำต่อหน้าเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพอีกครั้ง เพื่อจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป