ประวัติ "วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ" เจ้าของอาณาจักรรถเบนซ์ กับวลี "ผมอยู่ทุกวันล่ะครับ"
จากกรณีข่าวช็อกในแวดวงธุรกิจ ข่าวการจากไปของ วสันต์ โพธิพิมพานนท์ หรือ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ แห่ง #เบนซ์ทองหล่อ กรุ๊ป หนึ่งในดีลเลอร์เบนซ์รายใหญ่ของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) และผู้สร้างตำนาน "ตลาดนัดคนเคยรวย" ซึ่งมาจากการล้มลุกคลุกคลานในยุควิกฤตการณ์ ต้มยำกุ้ง ล่าสุดมีรายงานว่า คุณวสันต์ เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 15.20 น. ของวันนี้ (7 ก.ย.) หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยมะเร็งตับ ด้วยวัย 76 ปี
-
ประวัติส่วนตัว
นายวสันต์ นามสกุลเดิมคือ โพธิพิมพานนท์ ศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์ จบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจการตลาด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก สหรัฐอเมริกา เป็นนักธุรกิจเจ้าของกิจการเบนซ์ทองหล่อ
วสันต์สร้างตำนาน ตลาดนัดคนเคยรวย ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ด้วยไอเดียจัดตลาดนัดคนเคยรวย ที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก จัดแบ่งสถานที่ขายรถเบนซ์ส่วนหนึ่งมาเปิดร้านขายส้มตำ โดยสร้างกระแสฮือฮาด้วยการเปิดร้านตำส้มตำให้รับประทานฟรี 1 วัน
คุณวสันต์ยังเคยดำรงตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, ที่ปรึกษาสมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, กรรมการศิษย์เก่าอำนวยศิลป์ และเคยได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติผู้บำเพ็ญประโยชน์ดีเด่นของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2540
-
หัวดี แต่ไม่ตั้งใจ สอบอะไรไม่เคยผ่าน
คุณวสันต์ พื้นเพเป็นชาว จ.กาญจนบุรี เป็นลูกคนที่ 6 จากลูกทั้งหมด 8 คนในครอบครัวคนจีน ถูกส่งมาเรียนหนังสือในโรงเรียนอำนวยศิลป์ แต่สอบเอนทรานซ์ไม่ติด จึงต้องเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน โดยคุณวสันต์เคยให้สัมภาษณ์กับ Sanook Men ไว้ถึงเรื่องการศึกษา เรื่องที่สอบเอนทรานซ์ไม่ติด สอบตกสัมภาษณ์ตอนเข้าเรียนที่หอการค้า รวมทั้งไปเรียนต่อ ป.โท ที่อเมริกา ก็สอบโทเฟลไม่ผ่าน โดยคุณวสันต์บอกว่า
"ผมไม่เคยสอบอะไรได้เลย ตอนเรียนในห้องก็ไม่ค่อยสนใจ ขอแค่สอบผ่านได้เลื่อนชั้นก็พอ ไม่ได้สนใจว่าต้องได้คะแนนเยอะๆ ให้คนชื่นชม แต่ครูก็ให้คะแนนความประพฤติดี เพราะทำตัวดีไม่เคยขาดเรียน แต่ไม่เคยทำการบ้าน ถามว่าเก่งไหม ถ้าผมเรียนผมคิดว่าเก่ง สมองผมไม่แพ้ใครแต่ผมไม่ค่อยสนใจที่จะเรียนเอาแค่ผ่านๆก็พอ สอบคัดเลือกอะไรก็ตกหมด ถ้ามีอะไรเขียนๆ ผมก็ผิดหมด เพราะผมเขียนหนังสือไม่จบ สมองเร็วกว่ามือ ตรงนี้ที่ทำให้ผมไปสอบไม่ผ่าน สอบเอนทรานซ์ก็ไม่ได้ หอการค้าสัมภาษณ์ตก สอบโทเฟลก็ไม่ผ่าน แต่ถ้าได้เรียนก็แค่สอบผ่าน แค่เลื่อนชั้นได้"
- เคยคิดบวชไม่สึก มีโอกาสเป็นถึงเจ้าอาวาส
คุณวสันต์เริ่มงานด้านเซลส์ ในบริษัทจัดสรรที่ดินแห่งหนึ่ง โดยได้งานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เริ่มจากการเป็นนักศึกษาฝึกงาน ขายที่ดินจัดสรร ตอนฝึกงานได้เงินเดือน 500 บาท พอฝึกเสร็จปรากฏว่าผลงานผ่าน ทางบริษัทให้ทำงานต่อ ให้เงินเดือนขึ้นเป็น 1,000 บาท ทั้งที่ยังเรียนไม่จบ กระทั่งมีปัญหาแล้วตัดสินใจลาออก พอลาออกจากงานเซลส์ที่ดิน คุณวสันต์เล่าว่าวันนั้น เดินใจลอยไปเรื่อยๆ จากราชเทวีไปบ้านพักที่หลานหลวง จากนั้นพี่สาวลูกของป้าชวนไปทำงานขายพื้นที่โฆษณาบนป้ายรถเมล์ โดยให้รถใช้คันหนึ่ง และเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด แต่งานยากมาก ทำแล้วทำให้รู้สึกเบื่อ ไม่รู้จะไปไหนก็เลยบวชพระดีกว่า จึงตัดสินใจกลับบ้านไปบวชให้พ่อให้แม่ หลังจากนั้นก็เริ่มเทศน์ หลวงพ่อก็เลยเห็นแววว่าจะให้เป็นเจ้าอาวาสเพราะเป็นคนเดียวที่เรียนสูงถึงปริญญาตรี แล้วมีความคิดจะบวชไม่สึก
"ตอนที่บวชพระเพื่อนได้มาเยี่ยมมากมาย อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนรักที่สนิทกันมาก คุณสุพจน์ อั่วศิริพร ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่อเมริกา ส่งจดหมายชวนไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน พร้อมทั้งจะหาที่เรียนให้ หางานให้ หาที่อยู่ให้ เพียงแค่หาเงินซื้อตั๋วมาก็พอ ตอนนั้นรู้สึกว่าจากที่คิดว่าจะบวชไม่สึก พอเห็นจดหมายก็จีวรปลิวเลย อยากไปมาก มันตื่นเต้น อยากไปเห็นอเมริกา จึงส่งจดหมายตอบตกลงกลับไปให้เพื่อนและเพื่อนก็ดำเนินการให้ทุกอย่าง ตอนนั้นคิดว่าถ้าเรียนจบอเมริกามีงานดีๆ จะได้เป็นเสาหลักและที่พึ่งให้กับลูกหลาน" คุณวสันต์เล่า
-
เข้าสู่วงการขายรถ
คุณวสันต์ ชีวิตพลิกผันอีกครั้งเข้าสู่วงการขายรถ หลังพี่ชายส่งจดหมายไปหาที่อเมริกา ให้มาช่วยวางแผนบัญชี ซึ่งพี่ชายลงหุ้นกับเพื่อน ซื้อรถเก่ามาซ่อมขาย แต่ทำแล้วมีแต่หนี้สิน ตนจึงกลับมาช่วยวางระบบให้ ช่วยแก้ปัญหา ดูเรื่องดอกเบี้ย ไฟแนนซ์ ทำเรื่องประกันภัยรถยนต์ วางระบบการผ่อนชำระค่างวด พอเราจัดระบบให้ดีขึ้นยอดขายก็เพิ่มขึ้นเริ่มมีกำไร แต่ก็ประสบปัญหา ซื้อรถเก่าดีๆหายาก เริ่มไม่มีรถเก่ามาขาย จึงมองหารถใหม่ โดยตัดสินใจเดินเข้าขอเป็นดีลเลอร์ขายรถใหม่ แต่ไม่มีโชว์รูมรถ มีแต่เพิงหมาแหงนเป็นสังกะสีเช่าเขาอยู่ แต่มีที่ขายมีโต๊ะตัวหนึ่งพร้อมห้องแอร์ เริ่มต้นจากได้รถยี่ห้อฮีโน่มาขายก่อน ยอดขายถือว่าดีมาก จากนั้นก็เริ่มมาขายรถโตโยต้า
ต่อมา เพื่อนเอารถเบนซ์มาขายให้ บอกให้ช่วยซื้อไว้หน่อยเพราะผ่อนต่อไม่ไหว ตนว่าจะเอามาขับสักพักก็ขายทิ้ง พอเอามาขับก็รู้สึกชอบมาก มันต่างจากรถญี่ปุ่นเยอะ ไม่เคยขับรถเบนซ์มาก่อน จากนั้นไปเดินงานมอเตอร์โชว์ เจอผู้จัดการขายเบนซ์แนะนำให้เอารถไปลองขายดู ก็เลยเบิกเงินในธนาคารทั้งหมดไปซื้อเบนซ์มาขายที่เมืองกาญจน์ จอดอยู่ 3 เดือนยังขายไม่ออก
ตอนนั้นรู้สึกขยาด แต่ไม่เข็ด แต่พอคนเริ่มรู้แล้วว่าตนขายเบนซ์ ก็เริ่มโทรมาถาม ตนก็ขายให้ในราคาต้นทุน เพื่อเอาโควต้าไว้ ไม่เอากำไรให้ทางสำนักงานใหญ่เค้าเห็นว่าเราขายรถได้ สักพักก็เริ่มให้เอเยนต์ต่างจังหวัดช่วยขายโดยไม่บวกราคาต้นทุนเพิ่ม ขายได้เท่าไหร่แบ่งกำไรคนล่ะครึ่ง กลายเป็นทฤษฎี 50 : 50 ที่ทำให้ประสบความสำเร็จมาตลอด
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ