ระยองวิกฤต กู้ภัยถูกกำแพงทับขา จมน้ำโคม่า - ยายขับซาเล้งติดกลางกระแสน้ำป่า
ระยองยังวิกฤต กู้ภัยถูกกำแพงทับขาจมน้ำสาหัส ขณะปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกันก็มีซาเล้งยายขายกับข้าวติดกลางน้ำป่า
(7 ก.ย.65) เมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.ท.วุฒิพงศ์ ตระกูลวิรัตน์ตันติ สว.(สอบสวน) สภ แกลง ระยอง ได้รับแจ้งเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยพุทธศาสตร์ ถูกกำแพงปูนพังทับอาการสาหัส ขณะเข้าไปช่วยผู้ป่วยติดเตียง ในบ้านที่ถูกน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่บ้านหนองน้ำขุ่น ม.3 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง จึงพร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.แกลง เจ้าหน้าที่กู้ภัยพุทธศาสตร์สงเคราะห์ เดินทางไปให้ความช่วยเหลือ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดที่มีน้ำป่าไหลบ่าลงมาในหมู่บ้าน ด้วยความเชี่ยวกราก พบร่างผู้ได้รับบาดเจ็บถูกกำแพงปูนทับเข้าที่ขา และ จมอยู่ใต้น้ำ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปช่วยยกกำแพงปูนที่ทับขาขึ้นมา แต่ก็ทำด้วยความยากลำบากเพราะน้ำไหลเชี่ยวมาก ก่อนจะสามารถนำตัวลงมาได้อย่างทุลักทุเล โดยผู้ได้รับบาดเจ็บยังไม่รู้สึกตัว เพราะจมอยู่ในน้ำแต่ยังมีชีพจร จึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะรีบนำตัวส่ง รพ.แกลง ทันที
จากการสอบถามทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ ชื่อ นายบุญส่ง อายุ 50 ปี เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยพุทธศาสตร์สงเคราะห์ อ.แกลง ก่อนเกิดเหตุผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยติดเตียง ติดอยู่ภายในบ้านที่น้ำป่ากำลังไหลท่วมบ้าน จึงเดินทางไปช่วยเหลือ แต่ด้วยความแรงของน้ำทำให้กำแพงปูนรั้วบ้านพังลงมาและทับที่ขา จนทำให้ขาติดอยู่ไม่สามารถเอาขาออกมาได้ และ เป็นช่วงที่มวลน้ำกำลังไหลมา จึงทำให้จมน้ำจนหมดสติ ก่อนที่จะช่วยขึ้นมาได้ สำหรับอาการล่าสุดของ นายบุญส่ง อาการยังโคม่า ยังไม่รู้สึกตัว โดยรักษาตัวอยู่ที่ รพ.แกลง
ส่วนที่หมู่ 1 บ้านธงหงส์ ตำบลสำนักทอง อำเภอเมือง ระยอง เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมถนนสายกะเฉด ทำให้รถสามล้อเครื่องที่ขับผ่านมาถูกกระแสน้ำพัดตกจากถนนไหลไปติดกับต้นยาง เจ้าหน้าที่ อบต.กะเฉด ต้องนำเชือกโยงตัว เข้าช่วยเหลือคุณยายที่ติดอยู่กับรถสามล้อ ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกราก และสามารถช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีจุดที่น่าเป็นห่วง คือหมู่บ้านท่าเรือแกลง ตำบลชากพง อำเภอเมือง ระยอง ซึ่งเป็นจุดรองรับมวลน้ำที่ไหลหลากจากตำบลสำนักทอง ก่อนออกสู่ทะเล ทำให้มวลน้ำจำนวนมหาศาลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน และโรงเรียนบ้านท่าเรือแกลง เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ทยอยออกมาได้ตั้งแต่ช่วงเย็น แต่พอช่วงค่ำปริมาณน้ำเอ่อสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ยังมีประชาชนติดอยู่ในหมู่บ้านพร้อมเจ้าหน้าที่ กว่า 10 คน กำลังรอการช่วยเหลือซึ่งยังไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวไหลแรง และเป็นเวลาค่ำ ขณะที่ฝนยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย