หนุ่มร้องถูกเพื่อนร่วมงานแอบถ่าย หาว่าแอบหลับ จนถูกไล่ออก คู่กรณีโต้หนังคนละม้วน

หนุ่มร้องถูกเพื่อนร่วมงานแอบถ่าย หาว่าแอบหลับ จนถูกไล่ออก คู่กรณีโต้หนังคนละม้วน

หนุ่มร้องถูกเพื่อนร่วมงานแอบถ่าย หาว่าแอบหลับ จนถูกไล่ออก คู่กรณีโต้หนังคนละม้วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มจ่อฟ้องร้องเพื่อนร่วมงานแอบถ่ายว่าแอบหลับในเวลางาน จนโดนไล่ออก ฝั่งคู่กรณีโต้ถ่ายจริง แค่ส่งต่อหัวหน้า แต่ไม่ได้ร้องเรียน ซ้ำเจ้าตัวลาออกเอง

จากกรณีผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ ทำงานจนเป็นลมวูบไปที่พื้น แต่เพื่อนพนักงานแผนกเดียวกัน ถ่ายรูปไปฟ้องหัวหน้า หาว่าแอบหลับ สุดท้ายตกงานโดนไล่ออก

ล่าสุด วานนี้ (12 ก.ย.) นายศริธนเลิศ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมบัติ มีล้อม สารวัตรสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อลงบันทึกประจำวัน และเตรียมเข้าพบทนายความเพื่อฟ้องร้องกับคู่กรณีหญิงที่แอบถ่ายภาพ ขณะที่ตนเองเป็นลมหมดสติ ขณะปฏิบัติหน้าที่ขายที่นอนภายในห้างสรรพสินค้า ย่านกำนันแม้น ก่อนถูกร้องเรียนว่าแอบหลับ จนเป็นเหตุให้บริษัทไล่ออก และไม่สามารถไปสมัครงานเนื่องจากมีประวัติหลับในที่ทำงาน

นายศริธนเลิศ เปิดเผยว่า ทั้งนี้ยอมรับว่า ตนเองนั่นผิดระเบียบบริษัท พร้อมกับชี้แจ้งกับคนที่แอบถ่ายตนเอง ว่าตนเองเป็นโรคนอนไม่หลับ อีกทั้งในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ (21 ส.ค.) ตนไม่ได้กินข้าว ประกอบกับทำงานหนักต่อเนื่อง จนกระทั่ง 11.00 น. มีอาการวูบ จึงบอกกล่าวกับเพื่อนพนักงาน ขอตัวนั่งพักบริเวณช่องว่างระหว่างเตียงนอน แต่แล้วก็หมดสติไป

จนกระทั่งมีหัวหน้ามาสะกิดถามว่าเป็นอะไร ตนจึงเล่าเรื่องราวให้ฟังก่อนที่หัวหน้าจะแจ้งว่าขอออกใบเตือนเนื่องทำผิดระเบียบบริษัท ซึ่งเป็นใบเตือนครั้งแรกของตนเองตั้งแต่เข้าทำงาน จากนั้นช่วงกลางคืนของวันดังกล่าว ได้มีหัวหน้างานอีกคนโทรมาแจ้งว่าไม่ต้องมาทำงานแล้ว เพราะถูกร้องเรียนจากลูกค้า จึงถูกไล่ออก

ตนรู้สึกตกใจและได้ชี้แจงว่าเป็นการผิดระเบียบครั้งแรก ซึ่งตามระเบียบบริษัทต้องรับใบเตือน 3 ครั้ง จึงจะถูกลงโทษ จึงมองว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และเชื่อว่าคนที่ร้องเรียนเป็นพนักงานด้วยกันที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ไม่ใช่ลูกค้าตามที่กล่าวอ้าง

หลังเกิดเหตุตนได้ไปพูดคุยกับคนที่ถ่ายภาพ และอธิบายเรื่องราวให้ฟัง แต่คู่กรณีกลับอ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ ที่ตนเองต้องมารับรู้ว่าใครเป็นลมอะไรยังไง ซึ่งตนมองว่าการกระทำดังกล่าวมันทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่างตนเองถูกไล่ออกงาน ไปสมัครงานใหม่ก็ถูกปฏิเสธเนื่องจากมีประวัติ อีกทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีฟ้องร้องกับคู่กรณี

ซึ่งในระหว่างที่ผู้เสียหายพูดคุยกับผู้สื่อข่าวได้นำหลักฐานเป็นบัตรประจำตัวคนไข้  โรคนอนไม่หลับของคลีนิกแห่งหนึ่งย่านบางบอน ออกมาแสดงเพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการเข้ารับการรักษาตัวจริง

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสโทรศัพท์พูดคุยกับคู่กรณี น.ส.บุษ (นามสมมติ) ผู้ที่ถ่ายภาพ เปิดเผยว่า ยอบรับว่ามีการถ่ายภาพขณะที่พนักงานคนดังกล่าวหลับจริง แต่เป็นการส่งต่อให้กับหัวหน้างานเพื่อพิจารณาระเบียบในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้เป็นผู้ร้องเรียนจนทำให้ถูกไล่ออก

ส่วนเรื่องการร้องเรียนพบว่ามีลูกค้าเห็นเหตุการณ์จึงมีการถ่ายภาพแล้วส่งร้องเรียนไปยังสำนักงานใหญ่ เรื่องที่อ้างว่ากลุ่มพนักงานเป็นผู้ร้องเรียนนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานใหญ่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความเอาผิดกับอดีตพนักงานดังกล่าว

พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทไม่ได้มีการไล่ออกแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าตัวมีการมาลาออกด้วยตัวเอง ส่วนเหตุผลที่ไปให้ข่าวก็เป็นเพียงคำกล่าวอ้าง โดยไม่มีหลักฐานประกอบ ส่วนตัวไม่มีอะไรจะขี้แจ้ง หรือพูดคุยกับคู่กรณี

พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำบันทึกประจำวัน พร้อมแนะนำให้นำหลังฐานไปหารือกับกรมแรงงาน เพื่อทำความเข้าใจและดำเนินการ แต่หากยังไม่สบายใจให้กลับมาปรึกษากับทนายความว่ามีแนวทางให้การดำเนินคดีมากน้อยเพียงใจ

หากมีความประสงค์หรือเข้าข่ายความผิดอาญาก็สามารถกลับมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ แต่หากเข้าข่ายความผิดทางแพ่ง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเองผ่านไปยังศาลเพื่อให้มีคำพิจารณาต่างๆออกมาได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook