มรสุมข่าวฉาว "ราชวงศ์อังกฤษ" ในยุค "ควีนเอลิซาเบธ" ตลอดช่วง 70 ปี

มรสุมข่าวฉาว "ราชวงศ์อังกฤษ" ในยุค "ควีนเอลิซาเบธ" ตลอดช่วง 70 ปี

มรสุมข่าวฉาว "ราชวงศ์อังกฤษ" ในยุค "ควีนเอลิซาเบธ" ตลอดช่วง 70 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงได้รับการยกย่องถึงการอุทิศพระองค์ต่อการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ อย่างไรก็ตาม รัชสมัยของพระองค์ก็เผชิญกับข่าวฉาวที่เกี่ยวกับพระบรมวงศานุวงศ์  โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รวบรวมข่าวฉาวหลักของราชวงศ์อังกฤษตลอดช่วง 70 ปีของรัชสมัยควีนเอลิซาเบธ



เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต

เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต พระขนิษฐาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงตกเป็นประเด็นสะเทือนบัลลังก์อังกฤษนับตั้งแต่ช่วงต้นรัชสมัยของพระองค์

เมื่อปี 1955 เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตทรงต้องยกเลิกการเสกสมรสกับนาวาอากาศเอกปีเตอร์ ทาวน์เซนด์ เนื่องจากเขาผ่านการหย่าร้างและถูกพิจารณาว่าไม่เหมาะสมกับพระองค์ หลังจากนั้น เจ้าหญิงทรงเสกสมรสกับ แอนโธนี อาร์มสตรอง-โจนส์ ช่างภาพและผู้ผลิตภาพยนตร์ ผู้ดำรงตำแหน่งลอร์ดสโนว์ดอน อย่างไรก็ตาม ชีวิตสมรสของเจ้าหญิงยุติลงหลังทรงมีความสัมพันธ์กับ เซอร์ ร็อดดี เลเวลลิน นักออกแบบสวน ผู้มีอายุน้อยกว่าพระองค์ 18 ปี

 

เจ้าชายฟิลิป

การตัดสินพระทัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ เพื่อทรงเสกสมรสกับเจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซ ในขณะนั้นเต็มไปด้วยข้อกังขาต่าง ๆ

แม้เจ้าชายจะทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในกองทัพเรืออังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่พระเชษฐภคินีของพระองค์ก็ทรงเสกสมรสกับชาวเยอรมันชนชั้นสูงที่เป็นสมาชิกพรรคนาซี ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีพระญาติชาวเยอรมันของเจ้าชายที่ทรงได้รับเชิญเข้าร่วมงานพระราชพิธีเสกสมรสเลย

ในช่วงต้นรัชกาลของควีนเอลิซาเบธ เจ้าชายฟิลิปทรงเผชิญข่าวลือว่าทรงมีความสัมพันธ์นอกสมรส โดยเมื่อปี 1957 ไมค์ พาร์กเกอร์ เลขานุการส่วนพระองค์ของเจ้าชาย ถูกกดดันให้ลาออกขณะเจ้าชายทรงอยู่ในระหว่างการเสด็จเยือนประเทศในเครือจักรภพ

พาร์คเกอร์ลาออกหลังภรรยาของเขายื่นฟ้องขอหย่า จนมีการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าชายฟิลิปอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยโฆษกในควีนเอลิซาเบธกล่าวผ่านแถลงการณ์ในขณะนั้นว่า ข่าวความแตกแยกระหว่างพระประมุขแห่งอังกฤษและเจ้าชายนั้นไม่ใช่เรื่องจริง

 

เจ้าหญิงไดอานา

ข่าวฉาวใหญ่ที่สุดในรัชสมัยของควีนเอลิซาเบธ คงหนีไม่พ้นชีวิตสมรสที่ล้มเหลวระหว่างเจ้าฟ้าชายชาลส์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) พระราชโอรสองค์โต และเจ้าหญิงไดอานา รวมทั้งความสัมพันธ์ของเจ้าฟ้าชายชาลส์กับคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ รักแรกของเจ้าชาย ที่พระองค์ทรงมีความสัมพันธ์และทรงเสกสมรสด้วยหลังเจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์

ชีวิตสมรสของเจ้าฟ้าชายชาลส์และเจ้าหญิงไดอานาเมื่อปี 1981 ตามมาด้วยสารพัดข่าวฉาวตามหน้าหนังสือพิมพ์แทบลอยด์แทบไม่เว้นวัน ขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์พังทลายลงในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ถึงช่วงทศวรรษที่ 1990

เมื่อปี 1992 แอนดรูว์ มอร์ตัน ผู้สื่อข่าว เปิดตัวหนังสือ “Diana – Her True Story” โดยเขายืนยันในเวลาต่อมาว่า เจ้าหญิงไดอานาทรงเป็นแหล่งข้อมูลหลักของหนังสือเล่มนี้ หนังสือระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหญิงและพระสวามีแย่เกินกว่าที่จะรักษาได้ และเจ้าหญิงประชวรด้วยพระอาการเสวยผิดปกติ และเคยทรงพยายามปลงพระชนม์ชีพของพระองค์เอง

ต่อมาในปีเดียวกัน หนังสือพิมพ์หลายฉบับเผยแพร่บันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าหญิงและเจมส์ กิลบีย์ พระสหาย ที่เรียกเจ้าหญิงอย่างเอ็นดู และในปีถัดมา สื่อดักฟังบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าฟ้าชายชาลส์และคามิลลา โดยเจ้าฟ้าชายตรัสว่า ทรงอยากประสูติใหม่เป็นผ้าอนามัยแบบสอดของคามิลลา

หลังทรงแยกทางกันแล้ว ทั้งเจ้าฟ้าชายชาลส์และเจ้าหญิงไดอานาพระราชทานบทสัมภาษณ์ ที่ทั้งสองพระองค์ต่างทรงยอมรับว่าทรงมีความสัมพันธ์นอกสมรส โดยเจ้าหญิงไดอานาตรัสว่า ทรงมีความสัมพันธ์กับเจมส์ ฮีวิตต์ เจ้าหน้าที่กองทัพ และมี “เราสามคน” ในชีวิตสมรสของพระองค์ ซึ่งทรงอ้างอิงถึงคามิลลา

 

“ปีที่น่ากลัว” และการหย่าร้างของพระราชโอรส-พระราชธิดา

ในพระราชดำรัสช่วงสิ้นปี 1992 สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ตรัสว่า ปีดังกล่าวเป็น “ปีที่น่ากลัว” และ “ปี 1992 ไม่ใช่ปีที่ข้าพเจ้าจะมองกลับมาด้วยความสุขอย่างถ่องแท้”

ในปี 1992 นี้ มีทั้งเหตุเพลิงไหม้ปราสาทวินด์เซอร์ การแยกกันอยู่อย่างเป็นทางการของเจ้าฟ้าชายชาลส์และเจ้าหญิงไดอานา และการแยกทางระหว่างเจ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสพระองค์รอง และซาราห์ เฟอร์กูสัน พระชายา หลังหนังสือพิมพ์เผยแพร่ภาพของเฟอร์กูสันขณะไม่ใส่เสื้อ โดยมีจอห์น ไบรอัน นักธุรกิจชาวอเมริกัน ดูดนิ้วเท้าของเธอริมสระว่ายน้ำในฝรั่งเศส

ในเดือนเมษายน 1992 เจ้าหญิงแอนน์ พระราชธิดาพระองค์เดียวของพระองค์ ทรงหย่าร้างกับมาร์ก ฟิลลิปส์ พระสวามีที่ครองคู่กับพระองค์เกือบ 20 ปี หลังเจ้าหญิงและฟิลลิปส์แยกทางมาสามปี โดยทั้งสองต่างมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น เจ้าหญิงแอนน์ทรงเสกสมรสกับพลเรือโททิโมธี ลอว์เรนซ์ ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน

 

 

เจ้าชายแอนดรูว์

เจ้าชายแอนดรูว์ทรงตกเป็นเป้าของสื่อแทบลอยด์อังกฤษ ที่ตั้งชื่อเล่นเรียกพระองค์อย่างเจ็บแสบ เช่น “แอนดี้จอมลามก” (Randy Andy) จากการใช้ชีวิตอย่างสำราญของพระองค์

เมื่อปี 2011 ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายแอนดรูว์กับเจฟฟรีย์ เอ็พสตีน เศรษฐีชาวอเมริกัน ถูกจับตามองหลังเอปสตีนถูกดำเนินคดีข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้เจ้าชายต้องทรงยุติบทบาทในฐานะทูตพาณิชย์ของอังกฤษ

สี่ปีต่อมา เวอร์จิเนีย จิวฟรี ระบุในเอกสารถึงศาลว่า เธอถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์ขณะที่เธอยังเป็นผู้เยาว์ โดยเจ้าชายทรงปฏิเสธข้อหาดังกล่าว

เจ้าชายทรงตกถูกจับตามองมากขึ้นหลังเอ็พสตีน ฆ่าตัวตายในเรือนจำเมื่อปี 2019 ขณะถูกจำคุกจากคดีค้าบริการทางเพศ หลังจากนั้น เจ้าชายแอนดรูว์ประทานสัมภาษณ์แก่สำนักข่าวบีบีซี แต่บทสัมภาษณ์กลับทำให้ภาพลักษณ์ของพระองค์ย่ำแย่ลง จนเจ้าชายต้องทรงยุติพระกรณียกิจ ขณะที่ ธุรกิจต่าง ๆ ก็ตัดสัมพันธ์กับพระองค์

เมื่อปีที่แล้ว จิวฟรีฟ้องเจ้าชายโดยตรง โดยกล่าวหาว่าทรงล่วงละเมิดทางเพศและทำร้ายร่างกายเธอ และในเดือนมกราคมปีถัดมา เจ้าชายทรงถูกถอดพระอิสริยยศทางทหารและพระอิสริยยศ His Royal Highness

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าชายแอนดรูว์ทรงไกล่เกลี่ยคดีโดยไม่ทรงยอมรับข้อกล่าวหา โดยทรงตกลงประทานเงินที่ไม่เปิดเผยจำนวนแก่จิวฟรี แลกกับการยุติการดำเนินคดีและการที่ไม่ต้องทรงเข้ารับการไต่สวน

 

เจ้าชายแฮร์รีและปรากฎการณ์ “เม็กซิท”

เจ้าชายแฮร์รี พระราชนัดดาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีภาพลักษณ์ในช่วงที่ยังทรงพระเยาว์ตามสื่อว่าทรงป็นราชนิกูลหัวรั้น เจ้าชายทรงยอมรับว่า เคยทรงสูบกัญชาและเมาในผับตั้งแต่ยังมีพระชันษาไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเสด็จเข้าสถานที่เที่ยวกลางคืนได้

เจ้าชายแฮร์รียังเคยทรงปะทะกับบรรดาปาปารัสซีบริเวณนอกไนท์คลับในกรุงลอนดอน และยังเคยทรงฉลองพระองค์เป็นเจ้าหน้าที่นาซีในงานปาร์ตี้จนสร้างกระแสความไม่พอใจ

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เจ้าชายทรงมีภาพลักษณ์ที่เข้าถึงง่าย และเคยทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการทหาร ทำให้เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นหนึ่งในราชนิกูลที่ได้รับความนิยมสูงในเวลาต่อมา พระราชพิธีเสกสมรสของพระองค์กับเมแกน มาร์เคิล ดาราชาวอเมริกัน เมื่อปี 2018 ยังถูกยกย่องว่าเป็นสัญญาณของราชวงศ์ยุคใหม่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม 2020 เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนทรงประกาศว่า ทั้งสองพระองค์จะยุติบทบาทในฐานะพระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องจากทรงไม่ยินดีต่อการตกเป็นเป้าของสื่อ และทั้งสองพระองค์ย้ายไปประทับที่นครลอสแอนเจลิสในสหรัฐฯ

ต่อมาในเดือนมีนาคม 2021 ทั้งสองประทานบทสัมภาษณ์แด่โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรชื่อดังชาวอเมริกัน โดยบทสัมภาษณ์ดังกล่าวโจมตีราชวงศ์อังกฤษ มีการกล่าวหาว่ามีการเหยียดเชื้อชาติในราชวงศ์ ่เมแกนยังกล่าวว่า ถูกกดดันจนเคยคิดฆ่าตัวตาย และเจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า พระบิดาและพระเชษฐาของพระองค์ ทรง “ติดกับ” อยู่ในราชวงศ์

อัลบั้มภาพ 91 ภาพ

อัลบั้มภาพ 91 ภาพ ของ มรสุมข่าวฉาว "ราชวงศ์อังกฤษ" ในยุค "ควีนเอลิซาเบธ" ตลอดช่วง 70 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook