วันนี้ศาลฎีกาชี้ชะตา "สุเทพ" หวังล้างตราบาป 10 ปี คดีทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่ง

วันนี้ศาลฎีกาชี้ชะตา "สุเทพ" หวังล้างตราบาป 10 ปี คดีทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่ง

วันนี้ศาลฎีกาชี้ชะตา "สุเทพ" หวังล้างตราบาป 10 ปี คดีทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้​ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.23 น. ที่ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ศาลฎีกา อม.) ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.23/2564 ที่ ป.ป.ช. โจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ จำเลยที่ 1-6 ถูกกล่าวหาร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการในการจัดจ้างโครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทน โครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ)

นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ เป็นวันที่สำคัญมากสำหรับชีวิตตน ตนถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในกรณีก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง ถูกกล่าวหาตั้งแต่ครั้งมีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. โดยมีคู่แข่งทางการเมืองยกขึ้นมาโจมตี เพราะขณะนั้นสถานีตำรวจที่ประมูลไปแล้วยังสร้างไม่เสร็จ จึงใช้ตนเป็นแพะ เรื่องนี้คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอีกคนหนึ่งคือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการออกมาแถลงข่าวดำเนินคดี กล่าวหาว่าตนฮั้วประมูล โดยตนได้ดำเนินคดีไปแล้ว และศาลลงโทษจำคุกนายธาริต 1 ปี

แต่หลังจากนั้น ป.ป.ช. รับเรื่องต่อจากนายธาริตมาดำเนินการ เฉพาะการสอบสวนของ ป.ป.ช. ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 7 ปี เมื่อ ป.ป.ช. สอบสวนเสร็จจึงส่งสำนวนไปให้อัยการเพื่อฟ้องคดี แต่อัยการไม่เห็นด้วยกับสำนวนของ ป.ป.ช. โดยอัยการเห็นว่าตนไม่มีความผิด จึงตั้งคณะกกรมการร่วม และใช้เวลา 1 ปี จึงส่งสำนวนตีกลับให้ ป.ป.ช. คดีนี้ ป.ป.ช.จึงฟ้องเอง

โดยคดีนี้ตนได้ต่อสู้ด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ตัวบทกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าตนไม่ได้ทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่หากศาลจะตัดสินอย่างไรก็เคารพศาล และน้อมรับ

ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าตนทำคุณงามความดีให้กับส่วนรวมและบ้านเมืองด้วยความสุจริตมาโดยตลอด ข้อกล่าวหาที่ว่าตนทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพัก ถือเป็นตราบาปในชีวิตตนมาร่วม 10 ปี หากวันนี้ศาลพิพากษาไม่ลงโทษ ตนจะได้เกียรติยศและศักดิ์ศรีกลับคืนมา หากโชคร้ายศาลลงโทษคงต้องก้มหน้ารับกรรม

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า จนถึงวันนี้ 10 ปี ตนพยายามอธิบายชี้แจงมาตลอด ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ตั้งแต่ ป.ป.ช. กล่าวหา ซึ่งตลอด 10 ปี ตนตกเป็นจำเลยสังคม ประชาชนบางคนอาจจะเชื่อไปแล้ว มาถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรื่องทั้งหมด ก็รู้สึกสบายใจขึ้น ซึ่งคดีนี้ตนว่าความเอง ซักพยานเอง เชื่อมั่นในความจริงและพยานหลักฐาน

อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินในเชิงลบกับตน ตนคงไม่มีหลักฐานใหม่กว่านี้เพื่อนำมายื่นอุทธรณ์แล้ว ทุกอย่างคงจบลงวันนี้ รวมทั้งคงจบบทบาททางการเมืองของตนด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook