หมอพรทิพย์ชำแหละคดี "น้องโชค" ถูกยิง วิถีกระสุน-คราบเขม่า ครอบครัวไม่เชื่อปืนลั่น
ครอบครัวของ "น้องโชค" นักเรียนชั้น ม.3 ที่ถูกยิงเสียชีวิตในห้องเรียนคอมพิวเตอร์โรงเรียนย่านบางบัวทอง โดยในตอนแรกทางครูและเพื่อนนักเรียนอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ คีย์บอร์ดระเบิด จนกระทั่งตำรวจไปไล่เค้นสอบจนเด็กนักเรียนรับสารภาพว่าเป็นเหตุอาวุธปืน โดยอ้างว่าเอาปืนมาโรงเรียนแล้วเกิดอุบัติเหตุทำปืนลั่นใส่โชคจนเสียชีวิต วันนี้ทางครอบครัวมาพูดคุยใน รายการโหนกระแส ในประเด็นคาใจ ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ
โดยแม่ของโชค เผยว่า แม่ยังจำคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พูดกับแม่หลังเกิดเหตุได้แม่น ตำรวจยืนยันว่าไม่ใช่ปืนลั่น เป็นการตั้งใจยิง ตำรวจท่านยังบอกว่า เด็กคนนี้ใจร้ายมากนะ โทษมันประหารชีวิตเลยนะ ถึงจะเป็นเยาวชนก็เถอะ ต้องหาหลักฐานให้รัดกุม เอาให้ถึงที่สุด แต่สุดท้ายพอมีการออกมาให้ข่าว กลับกลายเป็นเรื่องปืนลั่น
ขณะที่น้าชายของน้องโชค บอกว่า เรื่องราวตอนเกิดเหตุที่มาบอกครอบครัว ก็ไม่เคยเหมือนเดิมสักครั้ง ครั้งแรกบอกว่าตั้งใจยิง ครั้งที่ 2 บอกว่าเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ แล้วปืนหล่นพื้นแล้วลั่นใส่โชค แล้วรอบที่ 3 ก็มาเล่าว่า ปืนหล่นใส่คีย์บอร์ด แล้วคีย์บอร์ดแตก กระสุนพุ่งเข้าที่เดิม คือที่คิ้วซ้าย แล้วทะลุออกหลังหูข้างขวา วิถีกระสุนมันเกินจะเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องปืนลั่น ถ้าปืนลั่นมันควรจะทะลุขึ้นด้านบน หรือถ้าบอกว่าปืนลั่น แล้วกระสุนมันจะกระเด้งจากคีย์บอร์ด ไปโดนกำแพงได้อย่างไร
ขณะที่ แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า การพิสูจน์ในคดีนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความยุ่งยาก คือการที่คนไม่รู้แล้วด่วนสรุป ด่วนให้ข้อมูลกับสื่อ กับครอบครัว แต่จริงๆ แล้วมันต้องให้เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์มาตรวจพิสูจน์กันให้ชัด ต้องสรุปให้ได้ก่อนว่าปืนหล่นใส่คีย์บอร์ดจริงหรือไม่ เรื่องนี้พิสูจน์ไม่ยาก การที่วิถีกระสุนที่เข้าคิ้วซ้าย ทะลุกกหูขวา ก็เกิดจากปืนตกได้หรือไม่ ตัวแปรคือท่าทางของเหยื่อตอนเกิดเหตุ ว่าอยู่ในท่าทางไหน
อีกทั้งเรื่องคราบเขม่าที่เป็นวงรอบบาดแผล ก็บอกได้ว่าปากกระบอกปืนอยู่ห่างจากเหยื่อแค่ไหน เท่าที่ประเมินด้วยสายตาอาจจะประมาณ 45 เซนติเมตร แต่ก็ต้องเอาปืนมาทดลองยิง เทียบขนาดคราบเขม่า แล้วการตรวจคราบเขม่าที่ตัวผู้ก่อเหตุ ได้ตรวจหรือไม่ ตรวจหลังเกิดเหตุนานแค่ไหน คราบเขม่ามันอยู่ได้ไม่นาน ถ้าตรวจแล้วไม่เจอก็อย่าเพิ่งเชื่อ
นอกจากนี้ยังเห็นภาพที่ตำรวจเอาคีย์บอร์ดอันที่แตก ออกจากถุงไปทดลองวางในที่เกิดเหตุ มันเป็นวัตถุพยาน ทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าหากจะต้องส่งวัตถุพยานชิ้นนี้ให้หน่วยงานอื่นตรวจมาเทียบกันก็อาจจะมีปัญหาอีก เพราะยืนยันไม่ได้ว่าเป็นคีย์บอร์ดอันเดียวกันกับตอนเกิดเหตุหรือไม่
แม่ของโชคยังบอกอีกว่า หลังเกิดเรื่องมันมีหลายเรื่องที่ทำให้แม่ทำใจเชื่อไม่ลงว่าเป็นอุบัติเหตุ ก่อนที่จะมาออกรายการ ตำรวจที่ไปร่วมงานศพของน้องยังบอกว่า อย่าไปออกรายการเลย มันจะทำให้เรื่องยุ่งยาก ตอนนี้ได้ภาพวงจรปิดมาแล้ว ตอนแรกจะไรท์ลงแผ่นให้คุณแม่ แต่ถ้ามาออกรายการ ก็คงให้ไม่ได้แล้ว
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ