"ดิว อริสรา" เล่าไปยิ้มไป ชีวิตแม่ลูกอ่อน ปู่-ย่า รับขวัญ "เบาๆ" กระดาษคนละแผ่น
ถึงกับออกปากเองเลยว่า ชีวิตแฮปปี้สุดๆ สำหรับ ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ นางร้ายซุปตาร์ ที่เพิ่งจะคลอดลูกชายตัวน้อย น้องไซลาส เมื่อ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยขณะที่ทางมาร่วมงาน BABALAH BECCA THE ICONIC BEAUTY LAUNCH เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจถึงบทบาทการเป็นคุณแม่ป้ายแดง รวมถึงกระแสข่าวดราม่าก่อนหน้านี้ในประเด็น เปิด-ปิดหน้าลูก ซึ่ง ดิว อริสรา เผยว่า...
ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้เรากลายเป็นคุณแม่แล้ว ?
มันก็แฮปปี้ในอีกรูปแบบหนึ่งนะคะ เพราะดิวไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าการมีลูกจะทำให้เรารู้สึกอิ่ม อยากอยู่บ้าน อยากอยู่กับลูก คิดถึงลูก แต่ถามว่าเหนื่อยไหม เอ่อ...จริงๆ มันก็ไม่ได้เหนื่อยมากมายอะไรขนาดนั้นนะ หรือถ้าจะมีก็คงเป็นแค่ช่วงแรกๆ แต่ช่วงหลังๆ ด้วยความที่เราติดเขาอยากอยู่กับเขา เราก็จะรู้สึกว่าโอเคเหนื่อยได้ เป็นความเหนื่อยที่แฮปปี้
เป็นคุณแม่ลูกอ่อน มีเวลานอนมีเวลาพักผ่อนบ้างหรือเปล่า ?
ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่ค่ะ แต่ไปๆ มาๆ มันเหมือนร่างกายเราก็ทำทุกอย่างเองแบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องมีการตั้งปลุก และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ดิวไม่รู้สึกเหนื่อยมากก็คือ ดิวได้สามีคอยช่วย ซึ่งเขาจะเป็นคนทำหน้าที่คอยดูแลช่วงกะดึกเป็นส่วนใหญ่ และคำว่าดูแลลูกของเขาก็คือ เขาปล่อยให้ดิวกับพี่เลี้ยงเข้านอนได้เลย ส่วนเขาก็จะดูแลยาวๆ ตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเช้า ดูแลเองทั้งหมด
ยังมีความกังวลเรื่องอะไรเป็นพิเศษอีกไหม ?
จริงๆ ก็ไม่ได้กังวลอะไรเลยนะคะ เพราะดิวก็มีทั้งสามี มีทั้งครอบครัวที่ซัพพอร์ต ก็แฮปปี้ค่ะ (ยิ้ม)
ถามถึงประเด็นดราม่า เปิด-ปิดหน้าลูก ที่คู่เราก็โดนด้วย ?
สำหรับเรื่องนี้ก็ต้องขอพูดให้ตรงประเด็นเลยเนอะ คือดิวก็ต้องบอกว่า 'ดิวเคารพในการตัดสินใจของคุณแม่ทุกคนที่เลือกในการที่จะแบบว่าให้ลูกเปิดหรือลูกปิด' เพราะตัวดิวเองก็เป็นแม่ และดิวก็รู้ว่าคนเป็นแม่ย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกอยู่แล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็อยู่ที่สไตล์ของบ้าน และสไตล์ของครอบครัวแต่ละครอบครัวด้วยเช่นกันว่าเป็นยังไง ซึ่งในมุมมองที่ดิวพูด ดิวพูดในมุมมองของครอบครัวดิว แต่พอมันตัดออกไปแล้วมันอาจจะดูรุนแรงว่าเราไปแซะใครพูดถึงใคร ซึ่งดิวต้องออกตัวตรงนี้เลยว่า 'ดิวเคารพทุกคน เพราะนั่นคือลูกเขา และเขาคือแม่ และแม่ทุกคนก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก' ดังนั้นไม่ว่าทุกคนจะเลือกอะไรนั่นก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
แสดงว่าเราเองก็ทราบถึงดราม่าครั้งนี้ ?
เห็นค่ะ มีคนส่งมาให้ดูเยอะ เราก็เลยต้องมาออกตัวตรงนี้ไง เพราะสิ่งที่เราพูดตอนนั้นมันคือมุมมองของบ้านเรา และมุมมองของตัวเรา แต่พอไปแบบนั่นนู่นนี่มันก็เลยกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ซึ่งต้องบอกก่อนว่าถ้าทุกคนรู้จักนิสัยดิวดี ดิวไม่ได้เป็นคนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น และก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของใคร ดังนั้นดิวจึงเลือกที่จะไม่วิจารณ์ใครหรืออะไรเลย นอกเสียจากคนนั้นจะมีปัญหากับดิว
การที่มีคนนำเราไปโยงจนกลายเป็นดราม่า เราคิดจะจัดการไหม ?
ไม่นะคะ คือดิวเองก็เข้าใจว่าสิ่งที่ดิวนำเสนอออกไปมันทำให้คนคิด ดังนั้นดิวคงไม่สามารถไปโทษเขาได้ว่าเขาผิดที่เขาคิด
สามีมีฟีดแบคเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง ?
คุณสาไม่ว่าเพราะคุณสาไม่รู้เรื่อง นั่นคือข้อดีของการอ่านภาษาไทยไม่ออก (หัวเราะ) แต่ก็บอกเขานะ ซึ่งเขาก็ไม่อะไร เพราะเขาโฟกัสอยู่กับการดูแลลูก
ในพาร์ตการทำงานของเรา เรามีแพลนกลับมาทำงานในวงการไหม ?
ก็ยังทำงานในวงการบันเทิงอยู่ค่ะ คือดิวยังรู้สึกแฮปปี้กับการอยู่ตรงนี้ และอย่างที่พูดคนไทยน่ารัก ส่วนสามีก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกถ้าดิวแฮปปี้ก็ให้ดิวทำ
แสดงว่าเราเองก็ยังอยู่ที่ไทยเป็นหลัก ?
ตอนนี้ใช่ค่ะ แต่ก็มีแพลนจะย้ายไปตรงนู้นด้วยเหมือนกัน ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าตรงไหน หรือจะไปอยู่ที่ประเทศของสามี เพราะจะได้ใกล้ชิดกับคุณปู่คุณย่า ส่วนเราก็บินไปบินมาอยู่แล้ว เพราะไต้หวันกับไทยห่างกันแค่ 3 ชั่วโมง ก็ง่ายๆ
คุณปู่คุณย่าได้มีโอกาสเจอกับหลานแล้วหรือยัง ?
เจอกันแล้วค่ะ ท่านบินกันมาตั้งแต่ก่อนคลอดแล้ว และพอคลอดเสร็จก็บินมาอีกรอบ ส่วนเรื่องของรับขวัญหลานก็รับแล้ว เรียบร้อยแล้ว น่ารัก
พอจะบอกได้ไหมว่าของรับขวัญคืออะไร ?
ปู่กับย่ารับขวัญหลานเป็นกระดาษ ทั้งครอบครัวก็ให้กันคนละแผ่น แต่เอาเป็นว่าคุณปู่กับคุณย่าก็ให้กันจนคุณสามีไม่อยากส่งรูปลูกเข้ากรุ๊ปแล้วอ่ะ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองได้จะไปตกอยู่กับลูกหมด (หัวเราะ) เขาก็มีบอกนะว่าแบบ 'คุณช่วงนี้หยุดส่งรูปลูกให้ปู่ดูดีกว่า' คือพวกท่านเห่อมาก โดยเฉพาะคุณปู่คือไม่ได้เลย (ยิ้ม)
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ