แพรรี่ ฟาดกลับแซ่บ! จวก อลัชชีย่อมคบหาอลัชชี หลังอดีตพุทธะอิสระโพสต์พาดพิง
แพรรี่ ไพรวัลย์ ฟาดกลับหลังอดีตพุทธะอิสระ โพสต์ถึงพระชาตรีว่า "อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้" ซัดเป็นลุงครึ่งพระครึ่งฆราวาส อลัชชีย่อมคบหาอลัชชี
กรณี “พระชาตรี เหมพันธุ์” เจ้าอาวาสวัดพุทธวิหาร วัดไทยในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก พาดพิง “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” อดีตพระนักเทศน์ชื่อดังอย่างเผ็ดร้อน ทำนองเนรคุณพระพุทธศาสนา จิกเรียกว่าอี ขณะที่ไพรวัลย์ สวนกลับเรียกว่าไอ้หัวโล้น ไม่ใช่สายเลียแบบมึงค่ะ ทำมาทวงบุญคุณ ซึ่งต่อมาทางพระชาตรีก็ได้ขอโทษ ไพรวัลย์ หรือ แพรรี่ แล้ว แต่ทาง "ทนายธรรมราช" กลับไม่ยอมจบ และเดินหน้าเอาผิดทางกฎหมายกับแพรรี่ ในข้อหาดูหมิ่นพระชาตรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมา เฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และอดีตแกนนำ กปปส. โพสต์ข้อความถึง "พระชาตรี" ระบุว่า
“สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล การกระทำส่อความเป็นชาติสกุล” ๒๓ กันยายน ๒๕๖๕
กราบนมัสการท่านอาจารย์ชาตรีที่เคารพ
เห็นคลิปท่านออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่เคยบวชอาศัยผ้าเหลือง เพื่อเรียนรู้ศึกษาจนยกระดับตนเอง จากเด็กบ้านนอกที่สุด แสนจะคับแคบอนาถา กลับกลายเป็นพระมหา ๒ เพศ ก็พอเข้าใจในความคาดหวังที่สังคมไทยมีต่อคนระดับมหาเปรียญธรรม ๙ ประโยค และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ จนสำเร็จปริญญาโทว่าจะบวชหรือสึก ก็คงจะเป็นต้นแบบที่ดีของผู้คนในสังคม
แต่สิ่งที่สังคมเห็น ท่านอาจารย์ดูจากบุคคลที่เคยบวชเข้ามาถึง ๑๘ ปี (นับแต่แต่บวชเณร) แต่กลับมีพฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับคนที่มัวเมากับการหาอยู่หากินกับกามคุณอย่างลุ่มหลง ประมาท จึงทำให้สังคมและท่านอาจารย์ผิดหวัง มาวันนี้เขาได้เปลี่ยนสถานะจากพระมหาเป็นหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง แสดงพฤติกรรม กิริยา วาจา รุกรานผู้มีศีลโดยไม่สำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ
หากผู้มีศีลนั้นกระทำพฤติกรรม ละเมิดศีล ละเมิดพระวินัย ละเมิดอุดมการณ์ของพระบรมศาสดา เช่นนั้นก็สมควรถูกด่า ถูกประจาน การที่ท่านพระอาจารย์ชาตรีออกมาเตือนหรืออีกฝ่ายจะเรียกออกมาด่าก็ตามที โดยสามัญสำนึกของปราชญ์ ของบัณฑิต วิญญูชน จะต้องหันมามองตนเอง สำรวจดูว่า
เออ..เรามีอะไรที่บกพร่อง ผิดพลาดที่กระทำการไป พูดไป คิดไป ทำให้สื่อให้เห็นว่า เราเป็นคนพาล คนขาดศีลธรรม
แล้วปรับปรุงตนให้ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมเหล่านี้คือ คุณลักษณะของบัณฑิต แต่คนที่ท่านอาจารย์วิพากษ์ หาใช่ผู้ที่เป็นบัณฑิตไม่
ท่านอาจารย์ครับ ชีวิตของความเป็นนักบวชของท่านได้เดินมาในเส้นทางแห่งวิถีพุทธ ที่สง่างดงามดีแล้ว อย่าลดตนเองลงมาเกลือกกลั้วกับคนพาลเลย สิ่งที่ท่านทำผู้คนทั้งประเทศรวมทั้งชาวรัสเซียเขารับรู้ เขาสัมผัสได้ นิมนต์ให้มุ่งมั่น เผยแผ่อุดมการณ์ของพระบรมศาสดาให้กว้างไกลไปทั่วโลก อย่ามาให้ราคากับคนพาลเลยท่าน
ดังภาษิตที่กล่าวไว้ว่า
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
คบคนชั่ว จักพาตัวอัปมงคล
จักพาตน เสียใจเพราะพาลพา
ท่านอาจารย์เป็นคนใต้ คงจะเคยได้ยินคำพังเพยที่คนใต้ คนเก่าเขาจะมักเปรียบเปรย พูดสอนลูกหลานเอาไว้ว่า “อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้” สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ของคนพาลที่มากไปด้วยอัตตา ตัวกูใหญ่จนใครๆ ไม่สามารถมาแตะต้อง ตักเตือนได้ บัณฑิตทั้งหลายจึงควรอยู่ให้ห่างไกล
พุทธะอิสระ”
ต่อมา เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร ก็ได้โพสต์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ดิฉันเห็นแล้วนะคะที่ E ลุงครึ่งพระครึ่งฆราวาส มันเขียนบทความถึงดิฉัน แค่มันขึ้นต้นว่า กราบนมัสการ (อลัชชี) ที่เคารพ ดิฉันก็ไม่คุยกับมันแล้วค่ะ ป่วยการที่จะพูดกับคนแก่ที่สมองทึบแบบนั้น
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้นะคะ โคย่อมไปสู่สำนักของโค เช่นกันค่ะ ดิฉันเสริมว่า กระบือก็ย่อมไปสู่สำนักของกระบือค่ะ อลัชชีย่อมคบหาอลัชชี พวกอธรรมวาที ย่อมซ้องเสพด้วยอธรรมวาที คนชื่นชมคนเช่นไร ก็มักเป็นคนเช่นนั้นแหล่ะค่ะ โบราณว่า คนศีลเสมอกัน มันจึงอยู่ด้วยกันได้ คนถ้าไม่ประพฤติตัวแบบเดียวกัน มันจะมายกย่องกันหรอคะ
ดิฉันยืนยันอีกครั้งนะคะว่า ดิฉันมีข้อมูลการประพฤติอนาจารของพระอลัชชีรูปนั้นเยอะมากๆ สร้างเรื่องสร้างราว ตั้งแต่สมัยอยู่วัดพุทธปัญญา สั่งการให้ต่อยตีทำร้ายพระรูปอื่นจนเลือดตกยางออก ยักยอกเปลี่ยนถ่ายเงินในบัญชีสมัยเป็นรักษาการเจ้าอาวาส จนเงินหายไปจากบัญชี 4 ล้านกว่าบาทอย่างมีพิรุธ มีเอกสารอยู่ที่สำนักงานเจ้าคณะตำบลบางเขนนะคะ สามารถไปขอดูได้
ดิฉันออกจะแปลกใจว่า E ลุงครึ่งพระครึ่งฆราวาสนี่มันฉลาดหลายเรื่องนะคะ ทำตัวสู่รู้เป็นขงเบ้งชอบถือพัดโบกไปมา ก่อวีรกรรมไปทั่ว ก่นด่าวัดนั้นวัดนี้ เช่นที่ทำกับวัดพระธรรมกายบ้าง วัดปากน้ำบ้าง
ไม่ว่ากันนะคะ ในเรื่องการวิจารณ์ ตำหนิ
แต่ที่ดิฉันสงสัย คือกับเรื่องพระอลัชชีนี่ E ตาลุงครึ่งผีครึ่งคนดันทำตีมึน เหมือนไม่รู้ตื่นลึกหนาบางอะไรซะอย่างนั้น หรือแกอาจตั้งใจทำมึนก็ได้นะคะ
สำหรับดิฉันคนพวกนี้จริงๆแล้ว ไม่ค่อยมีสติปัญญาอะไรหรอกค่ะ ขอแค่ความเห็นทางการเมืองต่างจากมัน มันก็พร้อมจะกระโดดงับขาหรือ แยกเขี้ยวใส่แบบไม่ดูสี่ดูแปดอยู่แล้ว
ดิฉันอ่านบทความของมันแล้ว ก็ได้แต่สมเพชเวทนา นี่ไม่นับเรื่องทำทีมาพูดเรื่องกิริยาส่อสถุลกับดิฉันอีกนะคะ กล้ามากมึ! โอ๊ยย คือแถวนั้นไม่มีกระจก ?
ดิฉันไม่อยากลู่กับกระเบื้อง ไปย้อนดูสิ่งที่ตาลุงนี่ทำกันเองแล้วกันนะคะ จะรู้ว่าที่ว่า กิริยาส่อสกุลจริงๆ มันเป็นยังไง