เตือนภัย นศ.รับปริญญา จ้างช่างแต่งหน้าหัวละพัน เจองานหยาบ หน้าเทายกแก๊ง
ช่างแต่งหน้าเตือนภัย หลังรับงานแก้หน้าให้นักศึกษารับปริญญา อุทาหรณ์จ้างช่างหัวละพัน เจองานหยาบหน้าเทายกแก๊ง
(24 ก.ย. 65) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ศุภลักษณ์เมคอัพ ช่างแต่งหน้าทำผม” โพสต์รูปภาพนักศึกษาสาวเตรียมเข้าพิธีรับใบปริญญาบัตรที่จังหวัดสกลนคร พร้อมรูปภาพของนักศึกษาสาวทั้งก่อนทำและหลังทำ โดยก่อนทำเป็นช่างอีกคนที่น้องๆ นักศึกษาจ้างมาแต่งหน้าในงานวันรับปริญญาพร้อมเพื่อนๆ ซึ่งหน้าแต่ละคนแต่งออกมาแล้วหน้าลอย หน้าเทา ทั้งแป้งทั้งรองพื้นหน้าเขรอะทั้งหน้า พร้อมข้อความระบุว่า
“#ขออนุญาตฝากไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ สำหรับลูกค้าที่จะหาช่างแต่งหน้า/ทำผม ในวันสำคัญ เคสนี้คือ เคสแก้งานรับปริญญา ที่จังหวัดสกลนครที่ผ่านมาค่ะ คือมีอยู่ว่า เมื่อคืนช่วงประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ มีลูกค้าท่าน 1 อินบ็อกซ์เข้ามาสอบถามขอแต่งด้วยเเบบกะทันหัน ตอนแรกทางร้านกะจะไม่รับเนื่องด้วยทางร้านรับลูกค้าในจำนวนจำกัด แต่คุณลูกค้าท่านนี้ได้ส่งผลงานการแแต่งหน้าช่างท่านอื่นที่เข้าไปใช้บริการ ซึ่งลูกค้าไม่พอใจ แ ล้วทางเราเห็นใจคุณลูกค้าท่านนี้มากๆ เพราะวันสำคัญของใครๆ ก็อยากมั่นใจต่อหน้าญาติๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดี แต่ต้องกับมาผิดหวังกับการว่าจ้างช่างที่ใช้เเต่ความมักง่าย โดยทางร้านสอบถามข้อมูลคุณลูกค้าว่าจ่ายค่าเเต่งหน้าเท่าไร โดยราคาที่ว่าจ้าง คือท่านละ 1,000 บาท โดยราคานี้รวมแต่งหน้าทำผม ซึ่งบางคนอาจจะจ้างช่างที่มีฝีมือหรือราคาสูงเพื่อที่จะได้ผลงานที่คุณภาพ แต่ถึงเเม้จะถูกจะแพงควรใส่ใจรายละเอียด และ เห็นใจคุณลูกค้าด้วย 1,000 สำหรับใครๆ ก็อาจจะพอสมเหตุสมผลในราคาที่ว่าจ้าง ดังนั้นโพสต์นี้จึงอยากให้เป็นการโพสต์ฝากเตือนสำหรับบัณฑิตหรือพี่ท่านใดที่จะจ้างช่างควรดูเเละเช็กเพื่อให้เชื่อใจว่าเราจ้างช่างที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน #โพสต์นี้ทางเราได้ขออนุญาตคุณลูกค้าเรียบร้อยเเล้ว #แต่งหน้าผิดชีวิตเปลี่ยน # แต่งหน้ารับปริญญา”
ซึ่งภายหลังผู้โพสต์ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กก็มีชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นและช่วยกันแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าเป็นการช่วยชีวิตน้องๆ ให้รอดในเหตุการณ์สำคัญหนึ่งของชีวิตให้จบการศึกษาด้วยใบหน้าที่สวยงามสง่า และก็มีหลายความเห็นที่ตำหนิช่างแต่งหน้าที่ทำมักง่ายจนทำน้องๆ ต้องถ่ายรูปรับปริญญาในสภาพหน้าเทา
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังผู้โพสต์และลงพื้นที่ไปพบกับ นายบรรลังก์ จงกลนี อายุ 30 ปี หรือ คุณกุ๊งกิ๊ง เจ้าของร้าน ศุภลักษณ์เวดดิ้ง แอนด์ ออแกไนซ์ ตั้งอยู่เลขที่ 283 หมู่ 8 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นคนโพสต์กำลังแต่งหน้าให้ลูกค้าที่มาใช้บริการอยู่ในร้าน และได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมนำภาพของน้องๆ นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนแต่งหน้าแก้และหลังแต่งหน้าแก้โดยช่างของร้าน ซึ่งก่อนแต่งนั้นจะเห็นว่าทุกคนหน้าเป็นโทนเดียวกันคือหน้าเทา หน้าลอย ก่อนที่ทีมช่างจะระดมกำลังและอุปกรณ์แก้ใหม่จนออกมาดูดีและสร้างความมั่นใจให้กับน้องๆ นักศึกษาได้ขึ้นไปรับปริญญาด้วยความมั่นใจและถ่ายภาพออกมาดูดีอีกด้วย
นายบรรลังก์ หรือคุณกุ๊งกิ๊ง เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองและทีมงานช่างแต่งหน้าทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่จังหวัดสกลนครหลังรับงานลูกค้านักศึกษารับปริญญา พอแต่งหน้าลูกค้าเสร็จ ช่วงเวลาว่างก็ได้โพสต์หาลูกค้า กระทั่งมีน้องนักศึกษาทักแชตมาบอกว่าอยากให้แก้หน้าที่แต่งจากฝีมือช่างอีกคนให้ จึงสอบถามรายละเอียดต่างๆ ว่าต้องการแต่งแก้แบบไหน โดยน้องบอกว่าแก้ทั้งหน้าเลยค่ะ พร้อมกับส่งภาพมาให้ดู ซึ่งเห็นทีแรกก็อึ้งและรับงานจากน้องมา ก่อนที่น้องจะบอกว่าแก้ให้เพื่อนด้วย พร้อมกับส่งภาพมาให้ดูพร้อมกับบอกว่า มีอีกกว่า 10 คน ที่แต่งหน้าออกมาแล้วเป็นหน้าเทา หน้าลอย หน้าหนา ซึ่งทีมช่างของเราเห็นแล้วก็ตัดสินใจรับงานแต่ทีมช่างไม่สามารถแก้ให้ได้ทันทั้งหมดเพราะช่างไม่พอ แต่ก็สามารถแต่งหน้าให้น้องๆ ได้ทั้งหมด 5 คน ปรากฏว่าน้องๆ ยังแชตมาขอบคุณไม่หยุด บอกว่าดีใจ ทำให้มีความมั่นใจ และผ่านพิธีรับปริญญาไปอย่างสง่าด้วยฝีมือทีมช่างของเรา ซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกดีเป็นกำลังใจให้กับตนเองและทีมงานทุกคนอย่างมาก
ในตอนที่เห็นหน้าน้องนั้น คาดว่าช่างแต่งหน้าจะเลือกรองพื้นผิดเบอร์ทำให้หน้าลอย หน้าเทา หน้าวอก แป้งและรองพื้นหนา หลังจากที่ได้ช่วยแก้แต่งหน้าให้น้องๆ ทั้ง 5 คนแล้ว จึงนำเรื่องราวนี้มาโพสต์ลงในโซเชียลเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับช่างแต่งหน้า ไม่ว่าช่างฝีมือระดับไหนราคาเท่าไหร่อยากให้คำนึงถึงลูกค้า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่จ้างช่างแต่งหน้าก็เพื่อให้งานสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตที่เกิดมาจะออกมาดูดีถ่ายรูปออกมาดูสวยดูดี ซึ่งทางร้านเองจะกำชับทีมงานเสมอ ให้ใส่ใจตั้งใจทุกขั้นตอนเพื่อให้ลูกค้าดูดีสมกับที่ลูกค้าไว้ใจจ้างเราแต่งหน้าให้ ขอบคุณกระแสสังคมในโลกโซเชียลที่ชื่นชมร้านและขอบคุณทีมงานทีมช่างแต่งหน้าและลูกค้าทุกคน และที่นำเรื่องราวนี้มาโพสต์ไม่ได้พาดพิงใครหรือกล่าวหาใคร เพียงแค่ออกมาพูดเป็นอุทาหรณ์เท่านั้น