"กุ้งพลอย" เขินมาก! "โบ๊ท ยงค์ยุทธ" เซอร์ไพรส์ออกสื่อ เอ๊ะยังไง? ข่าวลือรักข้ามรุ่น

มีเรื่องราวให้อัปเดตเยอะเลยทีเดียว สำหรับราชินีนักบู๊ กุ้งพลอย-กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวดราม่าเบอร์โทรศัพท์ ไปจนถึงข่าวลือกิ๊กกัั๊กกับนักแสดงวัยรุ่น โบ๊ท-ยงค์ยุทธ เติมต่อ ซึ่งมีอายุห่างกันถึง 13 ปี จนหลายคนมองว่าอาจจะกลายเป็นคู่รักข้ามรุ่นคู่ใหม่ของวงการบันเทิง??

โดยทั้งหมดนี้เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจแบบจัดเต็มกลางงาน ฉลองครบรอบ 2 ปี TOPONE 2nd Anniversary ก่อนที่จะถูกหนุ่มรุ่นน้อง โบ๊ท ยงค์ยุทธ โชว์ซีนหวานออกสื่อเรียกเสียงกรี๊ดด้วยการนำเอาช่อดอกไม้มามอบให้เป็นกำลังใจกลางวงสัมภาษณ์

ตอนนี้มีความรักครั้งใหม่แล้วใช่ไหม ?
กุ้งพลอย - "โอ้ย (ยิ้ม) อันนี้ต้องบอกก่อนนะคะว่าเขาเป็นน้องค่ะ เป็นน้องที่แบบสนิทมากๆ และเราก็มีผู้จัดการคนเดียวกัน"

กระแสข่าวเกิดขึ้นมาได้ยังไง ?
กุ้งพลอย - "อาจจะเพราะเราเจอกันบ่อย สมมตินะคะ สมมติว่าเรามีงานอีเวนต์เราก็จะไปและก็เจอกัน ซึ่งพอเราเจอกันเราก็จะแบบว่าถ่ายติ๊กต๊อกด้วยกัน (ยิ้ม)"

เป็นแฟนกันไหม ?
กุ้งพลอย - "ไม่ใช่ค่ะ เป็นพี่น้อง เขาเป็นน้อง"
โบ๊ท - "เป็นพี่น้องกันครับ"

กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์

มีโอกาสพัฒนาไปมากกว่านี้หรือเปล่า ?
กุ้งพลอย - "มีไหมอ่ะ"
โบ๊ท - "ให้เป็นเรื่องของอนาคตละกันครับ (ยิ้ม)"

ส่วนตัวเราติดไหมถ้าจะมีแฟนเด็ก ?
กุ้งพลอย - "หนูไม่ติดนะ ต้องถามน้องเขามากกว่าว่าเขาติดไหมถ้าจะมีแฟนแก่"
โบ๊ท - "ผมไม่ได้โฟกัสเรื่องอายุหรืออะไรอยู่แล้วครับ"

หลายคนอาจมองว่าเป็นการคบกันเพื่อสร้างกระแส ?
กุ้งพลอย - "หนูเข้าใจว่ามุมมองของคนแต่ละคนมันก็แตกต่างกัน ดังนั้นถ้าจะมองว่าสร้างกระแส หรือไม่สร้างกระแส ยังไงเราก็ต้องอยู่ต่อไป เราก็ต้องเป็นพี่น้องกันต่อไป"

ซีเรียสไหมที่เรื่องนี้กลายเป็นที่จับตามอง ?
โบ๊ท - "ส่วนตัวผมเองไม่ได้ซีเรียสกับข่าวนี้เลยครับ เพราะว่าการที่เรารู้จักกัน สนิทกัน หรือว่าปรึกษากัน มันไม่ได้มีอะไรผิด ดังนั้นผมจึงไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องกังวลครับ"

ถามถึงดราม่าที่เพิ่งเกิดขึ้นกรณีเบอร์โทรศัพท์ ?
"ต้องเรียนแบบนี้ค่ะ คือว่ามือถือหายจริงๆ และเรื่องที่เกิดขึ้น มันก็เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งวันศุกร์กุ้งพลอยก็ได้ไปที่สถานีตำรวจ และทางสถานีตำรวจเขาก็ถามว่า 'เบอร์อะไร' กุ้งพลอยก็ตอบเขากลับไป 1 เบอร์ แต่เบอร์ที่เหลือจำไม่ได้ เพราะไม่ได้ใช้แค่เบอร์เดียว จากนั้นกุ้งพลอยก็เดินทางไปทำบัตรประชาชนต่อเพื่อที่จะได้ขอซิม จากนั้นพอเดินทางไปถึงช้อปโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่เขาก็ถามกุ้งพลอยว่า 'เอากี่เบอร์' กุ้งพลอยก็เลยตอบกลับไปว่า 'เอาทั้งหมด' เพราะกุ้งพลอยไม่ได้คิดว่าเบอร์ที่กุ้งพลอยซื้อและใช้ มี 1 เบอร์ เป็นเบอร์ที่ให้พี่หนุ่มใช้ เนื่องจากมันนานมากแล้ว 4-5 ปีแล้ว"

"จากนั้นพอกุ้งพลอยกลับถึงบ้าน กุ้งพลอยก็เอาซิมใส่กับมือถือ จนกระทั่งมีสายหนึ่งโทรเข้ามา เป็นสายจากพี่หนึ่งน้องพี่หนุ่ม และพอเขาบอกกุ้งพลอยว่า 'นี่เบอร์พี่หนุ่มนะ' นั่นแหละค่ะกุ้งพลอยก็เลยเข้าใจ จากนั้นกุ้งพลอยก็ถามเขากลับไป 'พี่หนึ่งจะขับรถมาเอาไหมที่สุขุมวิท หรือให้หนูขับรถเอาไปให้' ซึ่งกุ้งพลอยก็ขับรถเอาไปให้ทันที ส่วนซิมกุ้งพลอยก็ถอดออกจากเครื่องไม่ได้ใช้"

"ซึ่งในคืนนั้นกุ้งพลอยก็คิดกับตัวเองค่ะว่า เบอร์ๆ นั้นมันคือชื่อเรา และเราไม่ได้ใช้ เราก็น่าจะเซฟตัวเองสักหน่อย คือกุ้งพลอยไม่ได้จะบอกว่ากุ้งพลอยกลัวเขา หรือรู้สึกว่าเขาทำให้กุ้งพลอยไม่รู้สึกปลอดภัยในชีวิตนะคะ แต่ในเมื่อพี่เขาใช้อยู่ กุ้งพลอยก็เลยคิดว่าลองหาวิธีมอบโอนซิมให้กับเขาไปเลยดีกว่า ซึ่งพอถึงช่วงเช้า พี่หนึ่ง น้องชายของพี่หนุ่ม ก็ได้มาปรึกษากุ้งพลอยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ด้วยความที่กุ้งพลอยเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว กุ้งพลอยก็เลยส่งพวกเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ให้เขาผ่านแชทเพื่อให้เขาเอาไปปริ้นต์และเอามาให้กุ้งพลอยเซ็นมอบสิทธิ์ให้ จากนั้นเขาเองจะได้เอาเอกสารตัวนี้ไปมอบให้กับพี่หนุ่ม เพื่อที่พี่หนุ่มจะได้เดินทางไปยังศูนย์บริการเพื่อทำซิมใหม่ได้เลย และเราสองคนก็จะได้สบายใจทั้งคู่ ตอนนั้นนะคะกุ้งพลอยให้ไปตอน 9 โมงครึ่ง และก็เล่นกับวีจิจนถึงบ่าย 2 และเพิ่งจะมารู้ว่าพี่โพสต์แบบนั้นตอนประมาณ 5 โมงเย็น แต่ว่าช่วงเวลาไทม์ไลน์ที่พี่หนุ่มโพสต์ก็คือช่วงเวลา 11 โมง จากที่หนูเซ็น 10 โมงครึ่ง"

กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์

หมายความว่าเราเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ?
"เซ็นค่ะ แต่ว่าเขายังไม่ได้ไปยื่นที่เคาเตอร์"

แสดงว่าน้องชายไม่ได้บอกพี่ชาย ?
"กุ้งพลอยคิดว่าตอนที่กุ้งพลอยเซ็นเอกสารมอบอำนาจแล้ว พี่หนึ่งเขาน่าจะโทรหาพี่หนุ่มเพื่อรายงานว่ากุ้งพลอยได้เซ็นให้แล้ว แต่ช่วงที่พี่หนุ่มโพสต์มันคือช่วงเวลา 11 โมง และกุ้งพลอยก็เพิ่งจะมาเห็นข่าวตอน 5 โมง หลังเจอวีจิเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพอไล่ไทม์ไลน์กลับไปก็แสดงว่าตอนที่เราเซ็นให้เขาแล้วเขาก็โพสต์แบบนั้น"

"ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 กุ้งพลอยได้อ่านหมดเลย และมีความรู้สึกว่าข้อที่ 1 ก็ไม่ใช่แล้ว เพราะว่ากุ้งพลอยมีใบแจ้งความนะคะ และกุ้งพลอยก็บอกกับตำรวจด้วยว่ากุ้งพลอยจำได้แค่เบอร์เดียว ส่วนเบอร์อื่นหนูจำไม่ได้จริงๆ เพราะเบอร์เดียวที่กุ้งพลอยจำได้คือเบอร์ที่กุ้งพลอยใช้อยู่เป็นเบอร์ของตัวเอง จากนั้นพอกุ้งพลอยไปถึงหน้าเคาท์เตอร์โทรศัพท์เจ้าหน้าที่เขาก็ถามกุ้งพลอยขึ้นมาว่า 'เอาหมดเลยไหมคะ' และด้วยความที่วันนั้นมันวุ่นวายมากกุ้งพลอยก็เลยตอบไปว่า 'เอาหมดเลย' คือกุ้งพลอยไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ ถ้าดูจากเจตนา เจตนาของกุ้งพลอยไม่ได้มีเจตนาร้าย"

"วันนี้กุ้งพลอยแค่ออกมาอธิบาย กุ้งพลอยไม่ได้ต้องการที่จะซัดกันไปซัดกันมา เพราะกุ้งพลอยคิดว่าเรื่องระหว่างครอบครัวมันควรที่จะจบตรงนี้ได้แล้ว มันน่าจะต้องจบแล้ว แต่ถ้าหากวันนี้กุ้งพลอยไม่ได้ออกมาอธิบาย กุ้งพลอยก็จะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นเชลยสังคม ไม่ว่าเราจะทำอะไรผิดหรือถูกถ้าหากเราเงียบหายไปโดยไม่ออกมาอธิบาย เราจะกลายเป็นเชลยของสังคม ซึ่งวันนี้กุ้งพลอยก็ได้ออกมาอธิบายทุกอย่างหมดแล้ว กุ้งพลอยไปแจ้งความจริงๆ กุ้งพลอยจำเบอร์ตัวเองได้ แต่จำได้แค่ 1 เบอร์ กุ้งพลอยก็เลยต้องขอทั้งหมด"

ท่อนสุดท้ายที่อีกฝ่ายเขียนเขาบอกว่าเขาอยากใช้ชีวิตอย่างสงบ ?
"เอาอย่างนี้นะคะ การสร้างเรื่องไม่มีใครหรอกค่ะที่อยากสร้างเรื่องให้คนมาเหยียบเรา และ 2 ปีที่ผ่านมาหนูมีความรู้สึกว่า หนูเหมือนเป็นตราบาป หนูเป็นเชลยของสังคม หนูผิดพลาดแค่ครั้งเดียวหนูไม่โอกาสที่จะอยากเป็นคนดีและแก้ไขเลยเหรอคะ และ 2 ปีที่ผ่านมาหนูทำอะไรผิดพลาดอีกไหมคะนอกจากสิ่งที่พี่เขาโพสต์ ทุกวันนี้การเจอลูกมันก็อยากอยู่แล้วค่ะ เพราะฉะนั้นชีวิตของกุ้งพลอยมันต้องพยายามอดทน และเวลาเจอดราม่าอ่ะค่ะ สภาพจิตใจมันไม่ใช่มีแค่เรื่องเดียว มันมีหลายเรื่อง ซึ่งเราก็ต้องพยายามให้กำลังใจตัวเอง"