ทำจริง! เจ้าคณะอำเภอรับตบหน้านักเรียนชาย ม.5 ก่อนลั่น "โดนกูตบได้บุญแล้ว"

ทำจริง! เจ้าคณะอำเภอรับตบหน้านักเรียนชาย ม.5 ก่อนลั่น "โดนกูตบได้บุญแล้ว"

ทำจริง! เจ้าคณะอำเภอรับตบหน้านักเรียนชาย ม.5 ก่อนลั่น "โดนกูตบได้บุญแล้ว"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปลัด อ.วังสามหมอ รุดตรวจสอบเจ้าคณะอำเภอตบหน้านักเรียนชาย ม.5 ยอมรับทำจริงและขอโทษ พร้อมให้ค่าทำขวัญ และจะไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำอีก

 จากกรณีผู้ปกครองของ นายโอม อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.วังสามหมอ ช่วงเย็นวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังจากลูกชายไปเข้าอบรมจริยธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ม.17 บ.ดงเศรษฐี ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ รวม 2 วัน 1 คืน วันที่ 28-29 ก.ย. แต่ถูก พระมหาสายัน อายุ 45 ปี เจ้าคณะอำเภอ และเป็นเจ้าอาวาสวัด ใช้ฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าด้านซ้ายจนหงายหลัง พร้อมกับบอกว่าเป็นฝ่ามือบุญ ลั่น "โดนกูตบได้บุญแล้ว"

โดยพระมหาสายัน ไม่พอใจที่ นายโอม สวดมนต์เสียงเบา จึงทำให้โมโหและใช้ฝ่ามือตบใบหน้าซ้าย 1 ครั้ง ในเรื่องดังกล่าวผู้ปกครองและชาวบ้านไม่ยอม หลังทราบพฤติกรรมเหตุการณ์ จากเพื่อนรุ่นน้องของลูกชายที่เข้าค่ายด้วยกัน และเข้าแจ้งความไว้ เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ในศาลาใหญ่ภายในวัดดังกล่าว

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ได้ลงพื้นที่ไปที่ร้านค้าในหมู่บ้านนาโปร่ง ม.7 ต.บะยาว อ.วังสาวหมอ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับ นางสาววรัญญา อายุ 34 ปี แม่ของนายโอม อายุ 17 ปี ที่ถูกพระมหาสายันตบหน้า และน้องไผ่ อายุ 16 ปี เพื่อนรุ่นน้องที่เข้าค่ายด้วยกันที่เห็นเหตุการณ์ โดยช่วงเช้าวันนี้ทางคณะครูโรงเรียนต้นสังกัด และตัวแทนจาก สพป.อุดรธานี เขต 2 เดินทางเข้ามาดูอาการและให้กำลังใจน้องโอม และผู้ปกครองที่บ้าน

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายวันชัย พรมมาโอน ปลัดอาวุโส อ.วังสามหมอ พร้อมคณะกำนันผู้ใหญ่บ้าน เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดป่าดังกล่าว ม.17 บ.ดงเศรษฐี ต.ผาสุก ก่อนจะประสานไปยังฝ่ายผู้ปกครองน้องโอม ให้เดินทางมาเจรจาไกล่เกลี่ยหาข้อยุติกันทั้งสองฝ่าย แต่ทางผู้ปกครองและชาวบ้านนาโปร่งยังไม่ยอมเจรจาไกล่เกลี่ยในวันนี้ และขอไปปรึกษากันก่อน และในระหว่างนี้ก็ให้ดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมายบ้านเมือง และทางธรรมวินัยของพระสงฆ์ด้วย

นายโอม อายุ 17 ปี เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่ 29 ก.ย. ขณะตนและเพื่อนรวม 29 คน ตั้งแต่ชั้น ม.1-ม.6 ที่ถูกโรงเรียนพาเข้าค่ายอบรมจริยธรรม ศิลธรรม และวินัยที่วัดดังกล่าว เป็นระยะเวลา 2 วัน 1 คืน

พอถึงเช้าวันศุกร์ ขณะกำลังนั่งสวดมนต์ในศาลาใหญ่ภายในวัด และเจ้าอาวาสฯ ได้พาท่องบทสวดมนต์พร้อมกัน แต่ตนและนักเรียนชายสวดเสียงเบา เป็นจังหวะที่เจ้าอาวาสเดินเข้ามาใกล้ตน แล้วใช้ฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าด้านซ้ายอย่างแรงจนหงายหลัง ทำให้ตนตกใจรวมทั้งเพื่อนนักเรียนที่เข้าค่ายในวันนั้นทำอะไรไม่ถูก

ส่วนสาเหตุที่พวกตนถูกทางโรงเรียนส่งเข้าค่ายอบรมฯ เนื่องจากมาโรงเรียนสาย เข้าแถวหน้าเสาธงช้า

หลังตบเสร็จพระยังบอกว่า "โดนกูตบได้บุญแล้ว" จึงได้พากันนั่งสวดมนต์ให้เสร็จ แล้วรีบออกมาจากวัดทันที ยอมรับตกใจและเสียใจมาก ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน วันแรกที่โดนตบมีอาการปวดศีรษะจนนอนไม่หลับและไม่กล้าบอกพ่อและแม่ จนถึงวันนี้ก็ยังมีอาการปวดศีรษะอยู่

ด้าน น้องไผ่ อายุ 16 ปี นักเรียนรุ่นน้องที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า พวกเราทั้ง 29 คน ถูกคุณครูตักเตือนเรื่องมาสายและเข้าแถวหน้าเสาธงตอนเช้าช้า จึงให้ไปอบรมค่ายจริยธรรมที่วัดป่าดังกล่าว เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน

พอถึงวันศุกร์จะกลับกันแล้ว พระที่เป็นเจ้าอาวาสได้พาท่องบทสวดมนต์ ท่องได้ไม่ทันไรก็เห็นเจ้าอาวาสฯ เดินมาหาพี่นักเรียนชาย แล้วใช้ฝ่ามือตบหน้าจนหงาย พวกเราก็ตกใจว่าทำไมพระทำแบบนี้ ก่อนนำเรื่องราวไปบอกแม่พี่ผู้ชายที่โดนตบให้ทราบเรื่องราว เนื่องจากพี่ผู้ชายที่โดนตบไม่กล้าบอกผู้ปกครอง

ด้าน นางวรัญญา แม่ของนายโอม เล่าว่า ลูกชายเป็นคนไม่ค่อยพูด กลับมาบ้านก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง เพื่อนรุ่นน้องมาบอกว่า ลูกชายถูกเจ้าอาวาสใช้ฝ่ามือตบ จึงไปสอบถามความจริงจากลูกชายได้บอกว่า ถูกเจ้าอาวาสตบหน้าอย่างแรง หัวอกคนเป็นแม่ก็ตกใจ ทำไมเป็นถึงพระภิกษุถึงลงมือกับเด็กถึงเพียงนี้

และเป็นห่วงลูกชาย เพราะตอนเด็กๆ เขามีร่างกายไม่ปกติ ศีรษะโตกว่าลำตัว และมีอาการปวดศีรษะมาตั้งแต่เด็ก และเคยพาไปหาหมอแล้ว เพราะห่วงอนาคตเขาจะมีอาการมากกว่านี้  ซึ่งลูกเป็นเด็กเรียนดี และที่ผ่านมาตนไม่เคยทำร้ายลูกรุนแรงแบบนี้เลย

ด้าน พระหาสายัน เจ้าคณะอำเภอ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าได้ตบหน้าน้องจริง อาตมาก็รู้สึกเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้มีเจตนาอะไร เพราะว่าโรงเรียนนี้เขาไว้วางใจให้มาอบรมอยู่ที่วัดนี้เป็นประจำ ตั้งแต่เจ้าอาวาสรูปก่อนที่เป็นพระอาจารย์ของอาตมา ที่มรณภาพไปแล้วเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว อาตมาก็สานต่อท่านมาโดยตลอด รวมระยะเวลาที่ใช้วัดเป็นค่ายอบรมจริยธรรม ศีลธรรม และวินัยมาประมาณ 30 ปีแล้ว

ซึ่งในฐานะที่เป็นครูบาอาจารย์ก็ต้องขออภัยกับเหตุการณ์นี้ และครอบครัวของน้องด้วยที่โดนอาตมาทำร้ายไป อาตมาก็ขออภัยในความไว้วางใจของโรงเรียนที่อาตมาทำให้ผู้ปกครองไม่ไว้วางใจในโรงเรียน อาตมาก็ไม่อยากพูดไปมากกว่านี้ เพราะเป็นคนผิดก็ยอมรับผิด ตั้งแต่วันเกิดเหตุผู้ปกครองก็มาหา

"อาตมาบอกว่าก็แล้วแต่ผู้ปกครอง เพราะอาตมายอมรับผิดทุกอย่าง ถ้าผู้ปกครองจะเรียกค่าเสียหายค่าทำขวัญอะไรก็ยอมชดใช้ให้ทุกอย่างในสิ่งที่ทำลงไป และในฐานะที่เป็นครูบาอาจารย์แล้วไม่ทำสมกับเป็นครูบาอาจารย์ แต่ในขณะนั้นก็อาจจะเป็นด้วยความพลั้งมือ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำอะไรขนาดนั้น

อาตมาก็ขอแสดงความเสียใจ และยอมรับในความผิดที่ทำไป ในส่วนอื่นอาตมาก็ไม่ขออะไรยอมรับผิดทุกอย่าง อาตมาก็ไม่คิดว่าทางผู้ปกครองจะเอาไปออกข่าวเป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของผู้ปกครองที่เอาไปออกข่าวได้ จึงไม่อยากตอบโต้อะไร เพราะในอำเภอก็มีวัดเดียวที่โรงเรียนในพื้นที่ที่นำเด็กนักเรียนมาอบรมฯ"

เจ้าคณะอำเภอฯ เปิดเผยต่อว่า พอเวลามีนักเรียนมาอบรมอาตมาก็ต้องรับผิดชอบคนเดียว ที่จะต้องรับผิดชอบดูแลเด็กนักเรียน โดยอบรมสองวันเด็กนักเรียนก็ไม่ได้ดื้ออะไร แต่เหตุเกิดขึ้นอาตมาให้ท่องคำสวดมนต์ แต่เด็กนักเรียนท่องไม่เสียงดัง อาตมาก็เลยบอกว่าให้ดังๆ ชัดๆ เพิ่มอีกหน่อย

อาตมาเลยไปพลาดพลั้งลงมือตบหน้าเด็กนักเรียนไป เพราะอยากให้เขาเป็นคนดีมีวินัย ซึ่งปกติอาตมาก็มีอารมณ์ก้าวร้าวอยู่นิดหน่อย ต้องขอโทษกับผู้ปกครองน้องด้วยที่ อาตมาลงมือกับลูกของเขา อาตมาขอรับรองเลยว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก และยอมชดใช้ค่าสินไหมหรือค่าทำขวัญให้กับผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่ถูกอาตมาตบหน้า

ขณะที่ นายวันชัย พรมมาโอน ปลัดอาวุโส อ.วังสามหมอ เปิดเผยว่า หลังมีข่าวทางสื่อว่าเจ้าคณะอำเภอได้ทำร้ายร่างกาย หรือตบหน้าเด็กนักเรียนแห่งหนึ่งใน อ.วังสามหมอ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางนายอำเภอ ได้มอบหมายให้ตนและผู้นำหมู่บ้านมาตรวจสอบ

เบื้องต้น ทางผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สภ.วังสามหมอ ก็จะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และในส่วนของทางวินัย ก็จะเป็นไปตามคณะสงฆ์ที่ดูแลในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายปกครอง จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนโดยการจะเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ย ในการเรียกค่าเสียหาย หรือเยียวยา เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อไป หลังจากนี้ประมาณ 1-2 วัน

ขณะที่ พระราชสารโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธ) เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง ตำบลหมากแข้ง เขตเทศบาลเมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ได้เห็นข่าวจากสื่อแล้ว และก็ได้โทรศัพท์ไปคุยสอบถามรายละเอียดกับเจ้าคณะอำเภอที่ตบหน้าเด็กแล้ว ซึ่งก็ยอมรับว่าได้ตบหน้าเด็กจริง เพราะได้ให้เด็กสวดมนต์แต่เสียงเด็กเบา เลยตบหน้าไปอยากให้สวดมนต์เสียงดังขึ้น โดยในการตบนั้นไม่ได้ทำร้ายร่างกายจนได้บาดเจ็บสาหัสอย่างใด

"ในความคิดส่วนตัวอาตมาคิดว่าท่านก็ไม่ได้โกรธเด็กนักเรียน เพราะท่านเป็นอาจารย์อบรมสั่งสอนเยาวชนอยู่แล้ว และยังทำคุณประโยชน์ให้กับชาวบ้าน เช่น ในฤดูหนาวก็นำผ้าห่มไปมอบให้กับชาวบ้าน อาตมาก็ได้ไปร่วมด้วย

ซึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็อยากจะให้ทางโรงเรียน ทางผู้ปกครองมาคุยกันก่อน ผิดถูกก็ตามกระบวนต่างๆ พระท่านก็ยอมรับว่าได้ตบจริง แต่ว่าในการตักเตือนในฐานะที่เป็นเจ้าคณะผู้ปกครอง ได้แจ้งไปแล้วว่าจะทำสิ่งใดก็ขอให้อยู่ในขอบเขตอย่าให้มันเกินไปจนเกิดปัญหาขึ้นมาแบบนี้"

เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยต่อว่า ด้วยความรักลูกของผู้ปกครอง แต่ผู้ปกครองก็ต้องเข้าใจพระว่าคุณให้โรงเรียนพาลูกมาอบรม พระก็ต้องการให้เป็นเด็กดีสวดมนต์ก็อยากให้สวดจริงจังไม่อยากให้ทำเล่น อยากให้มีใจเป็นกลางพระท่านทำดีมาตลอด ท่านไม่ได้ทำชั่วเลย

แต่เสียงของผู้ปกครองที่อยากให้พระสึก ก็อาจจะเกินไปหน่อย อาตมาเข้าใจความเป็นแม่ แต่ตามที่ได้ฟังจากสื่อไปสัมภาษณ์มานั้นเหมือนกับพระผิด และเป็นจำเลยต่อสังคมไปแล้ว โดยผู้ปกครองก็ควรรู้ว่าลูกตัวเองเป็นคนแบบไหนด้วย จึงอยากให้ผู้ปกครองใจเย็นลงหน่อย

"พระท่านก็ยอมรับว่าทำจริงก็ควรที่จะมาคุยกัน เราชาวพุทธด้วยกันมีสิ่งใดที่จะให้อภัยกันก็ทำได้ ซึ่งแม้แต่ค่ารักษาพยาบาลพระท่านก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง โดยจะฝากลูกไว้กับครู หรือเข้ามาอบรมกับพระก็ตาม

เมื่อพระดูพระด่าครูดุครูด่าทำโทษก็เพื่ออยากให้เด็กทุกคนเป็นคนดี ซึ่งเปรียบเหมือนโบราณว่า "รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี" จึงอยากฝากว่าให้ผู้ปกครองให้ใจเย็นๆ เราหันหน้าเข้ามาคุยกันไม่ต้องให้เกิดคดีฟ้องร้องกัน มีอะไรก็ให้คุยกัน และอยากให้จบลงกันด้วยดี"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook