นักศึกษาจัดรำลึก 46 ปี #สังหารหมู่ธรรมศาสตร์ ฝ่ายค้านวางพวงหรีดอาลัย

เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ต.ค.) ที่อนุสรณ์สถาน 6 ตุลาคม 19 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศล และวางพวงมาลารำลึกการจากไปของผู้วายชนม์ทั้ง 45 ชีวิต จากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งบรรยากาศงานวันนี้ เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้ง เยาวชนนิสิตนักศึกษา ประชาชนและนักการเมือง รวมถึงผู้ร่วมเหตุการณ์คนเดือนตุลาฯ 

สังเกตได้ว่า นักการเมือง และพรรคการเมืองที่มาร่วมวางพวงมาลาคำลึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา ส่วนใหญ่จะเป็นแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ นายแพทย์ชลนาถ ศรีแก้ว, นายจาตุรงค์ฉายแสง , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ , นายแพทย์ทศพล เสรีรักษ์ , นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช จากพรรคเพื่อไทย นายพิธา เจริญรัตน์, นางสาวพรรณิการ์ วานิช, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า, นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย, และสมหมาย บุญเฮง ตัวแทนจากพรรคเสรีรวมไทย, นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคไทยศรีวิไลย์ และตัวพรรคชาติไทยพัฒนากล้า

หลังจากพิธีวางพวงมาลาแล้วได้มีปาฐกถา รำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ในหัวข้อ "ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย" โดย รองศาสตราจารย์ ดร.อนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใจความสำคัญของปาฐกถาในครั้งนี้ คือ การพูถึงเรื่องของการต่อสู้ การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเยาวชนนิสิตนักศึกษาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่มีความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลง ผ่านข้อเนียกร้องหลัก 3 ข้อ ซึ่งมีข้อเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมอยู่ด้วย ซึ่งแม้ว่าจะบางกลุ่มจะสลายตัวไปหรือถอยร่นลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมต่างๆ และ โซเชียลมีเดีย จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย และไม่ว่าจะมีการใช้กำลัง ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมอย่างไร แต่กลุ่มเยาวชน รวมทั้งประชาขนที่เข้าร่วมก็ยังคงต่อสู้ต่อไป ไม่ยอม และไม่มีวันตาย ตามแนวคิด "การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในโลกนี้เริ่มด้วยการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม"

เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นการปราบปรามและประชาทัณฑ์ นิสิตนักศึกษาและประชาชน ที่เข้ามาชุมนุมต่อต้านเผด็จการ ในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยกองกำลังกึ่งทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และประชาชนผู้เห็นต่างกับผู้ชุมนุม ภายใต้ชื่อแนวร่วมกลุ่มนวพล-กระทิงแดง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 45 ราย บาดเจ็บและถูกจับกุมเป็นจำนวนมาก ขณะที่ ผู้ก่อเหตุซึ่งมีหลายภาคส่วนไม่ได้ถูกดำเนินคดีแต่อย่างไร

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้หลายคนตัดสินใจเข้าป่า ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในเวลาต่อมา และเหตุการณ์การต่อสู้ดังกล่าวก็ถูกเล่าขาน บันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ๆ ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในอีกหลายๆ ครั้งต่อมา