อดีตพยาบาลเหยื่อ "ฮารุ" แฉ ถูกหลอกให้ใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้าน โดนทำร้ายน่วม

อดีตพยาบาลเหยื่อ "ฮารุ" แฉ ถูกหลอกให้ใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้าน โดนทำร้ายน่วม

อดีตพยาบาลเหยื่อ "ฮารุ" แฉ ถูกหลอกให้ใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้าน โดนทำร้ายน่วม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตพยาบาล เหยื่อ "ฮารุ" เปิดใจ เผยโดนหลอกให้ทำงานใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้าน โดนทำร้ายหนัก จนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 ต.ค.) เมื่อเวลา 15.35 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาอดีตพยาบาลสาว 2 ราย คือ นางสาวพลอย และนางสาวไข่มุก พร้อมกับแม่ของนางสาวไพลิน อดีตพยาบาลสาวอีกรายที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นเหยื่อของ นายฮารุ ฮวังสิริ ผู้ต้องหาที่หลอกลวงอดีตพยาบาลให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจและใช้กลอุบาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และอ้างเป็นหนี้กว่า 140 ล้าน ให้ผู้เสียหายทำงานใช้หนี้ มาเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากที่ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือเพื่อให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะในข้อหาค้ามนุษย์

โดย นางสาวไข่มุก หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดใจว่า จากการที่ได้รับการชักชวนให้เข้ามาร่วมธุรกิจ และมีการสร้างตัวตนของผู้ต้องหาให้เชื่อว่าเขาเป็นคุณหมออยู่สถานทูตอเมริกา เป็นลูกครึ่งสัญชาติ เกาหลี ญี่ปุ่น ดูแลประชาชนชาวอเมริกันที่เข้าไปรักษาตัวที่ รพ.จุฬาฯ และหลังจากที่มีการชักชวนให้ร่วมลงทุน ก็ได้มีการสร้างตัวตนเป็นระยะๆ ทำให้เราหลงเชื่อว่าเขาเป็นแบบที่บอกจริงๆ

ส่วนที่เริ่มมาทำร้ายร่างกายจริงๆ คือช่วง ต.ค.64 เพราะเขาอ้างว่า เกิดจากการเสียค่าปรับในการเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ การออกงานอีเวนต์ การรับงานรีวิวสินค้าจึงต้องเสียค่าปรับ และต้องหาเงินมาจ่ายค่าปรับ และบังคับให้เราขายทรัพย์สินที่มีอยู่หลายรายการ

และ ก.พ.65 เริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่ขายคือคอลลาเจนออกมา เขาก็เริ่มบังคับให้ทำยอด ถ้าทำยอดแต่ละวันไม่ได้ก็จะต้องหาเงินมาชดเชยตามจำนวน ซึ่งจะต้องขายประมาณวันละ 10 ลัง ประมาณกว่า 2 แสนบาท โดยการช่วยกันขาย 3 คน ถ้าไม่ได้จะต้องยิมญาติพี่น้องมาให้ได้ครบตามจำนวนยอดที่จะต้องขาย

และก่อนหน้านั้น ก็พยายามโน้มน้าวว่า การรับราขการเป็นอุปสรรคต่อการรับงานอีเว้นต์ เช่น การไปประกวดนางงามที่จะต้องไปต่างประเทศ ก็โน้มน้าวให้ตนเองออกจากราชการ ซึ่งจะมีเรื่องเงินบำเหน็จ บำนาญ โดยหลังตากลาออก ม.ค.65 ก็ได้เงินบำเหน็จมา 1 ล้าน เขาก็เอาไปหมดเลย

และจากนั้นมีการทรัพย์สินทั้งหมด รถ บ้าน ที่ดิน และยังกู้เงินยืมเงินทุกระบบ เพื่อมาลงทุน และมาจ่ายค่าปรับที่เขาอ้าง และเขาก็จะข่มขู่ตลอดว่า เราโกงทำให้เขาสูญเสียทรัพย์สิน เพราะฉะนั้นเราจะต้องโดนดำเนินคดีหากไม่ทำตามที่เขาสั่ง และจะดึงเอาญาติ พี่น้อง เพื่อนที่คอยห้ามมาดำเนินคดีด้วย หากหมิ่นประมาทผู้ต้องหาและไม่ทำตาม

ทั้งนี้ ไม่ได้ห้ามออกจากห้อง แต่ถ้าออกไป เขาก็สั่งยามไว้ว่า หากพบว่าพวกตนเองออกไปให้แจ้งไปที่นายฮารุ เพื่อนายฮารุจะได้แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตนเองก็ไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท

ส่วนการทำร้ายร่างกายคือโดนตบหน้า ชกต่อย ยั่วยุเพื่อให้เพื่อนเข้าใจผิด แล้วให้มาทำร้ายเรา ซึ่งการตบ ต่อย ชก ตี เหยียบหัว เป็นเรื่องปกติ ล่าสุด เดือน ก.ย.โดนเตารีด และที่หนักสุดคือโดนน้ำร้อนราดทั้งตัว แต่ไม่ได้ไปหาหมอ เขาบอกจะรักษาเองเพราะเขาเป็นหมอ

นางสาวไข่มุก ยังบอกอีกว่า นายฮารุ เคยให้ไปลงบันทึกไว้ที่ สน.บวรมงคล ว่าจะต้องใช้หนี้ภายในวันที่เท่าไร กำหนดไว้ ทำให้ตนเองรู้สึกเครียดกดดัน และตัดสินใจกินยาฆ่าตัวตายไป แต่นายฮารุ คิดว่าตนเองหลอกไม่ได้กินจริง พร้อมยอมรับว่า เคยคิดอยากฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึกลงมาช่วงที่โดนน้ำร้อนบวก เพราะมันทรมานมาก

ทั้งนี้ นางสาวไข่มุกยัง บอกว่า ณ ตอนนี้ยังรู้สึกกลัวว่าถ้าผู้ต้องหาหลุดมาแล้วยังไงต่อ เพราะค่อนข้างกดดันและหวาดกลัว รวมถึงหนี้สินที่ไปกู้ไว้อยากให้ประนอมหนี้ หรือใช้ระยะเวลาในการผ่อนชำระให้เราสามารถตั้งตัวได้ จึงอยากให้ทางรองผบ.ตร.ดำเนินการช่วยเหลือ

ขณะที่ นางปวีณา บอกว่า หลังจากตนเองได้เข้าไปเยี่ยมนางสาวไพลิน และลูกอีก 2 คน ที่โรงพยาบาลตำรวจ ตอนนี้ลูกของอดีตพยาบาลทั้งสองคน อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ ซึ่งยังเครียดอยู่ และเด็กๆ ตอนนี้ยังไม่ยอมรักพ่อแม่ และยังไม่ยอมให้พ่อแม่มาเลี้ยงดู จึงต้องใช้เวลาฟื้นฟูสุขภาพจิต

โดยหลังจากนี้ส่งไปบ้านพักเด็กของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากนั้นจะค่อยๆ ให้ยายของเด็ก เข้าไปพบเพื่อฟื้นฟูให้กลับเข้าสู่ครอบครัว แต่คงต้องใช้เวลา

ส่วนกรณีการดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ที่ทางเหยื่อต้องการให้ดำเนินคดีนั้น เพราะพบว่า นายฮารุ บังคับให้แม่ของเด็ก ซึ่งเป็นเหยื่อ เซ็นยกลูกให้แล้วอ้างว่าเป็นการรับชดใช้หนี้ จึงสงสัยว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกด้วยว่า การสืบพยานต่างๆ และวันนี้ได้ให้ ศูนย์สืบสวน บช.น.ดำเนินการสืบสวนครบถ้วนรวดเร็ว และคดีนี้ การแจ้งข้อหายังไม่ได้แจ้งเรื่องค้ามนุษย์ ซึ่งหลังจากนี้จะไปตรวจสอบรายละเอียดหากเข้าข่าย ก็จะต้องแจ้งข้อหาดำเนินคดีเพิ่ม ซึ่งหลังจากนี้จะต้องทำการสอบสวนโดยละเอียดให้เร็วที่สุด

ส่วนจะมีผู้กระทำความผิดเพิ่มหรือไม่นั้น จะมีการขยายผลเพิ่มเติม หากพบก็ต้องดำเนินคดี รวมถึงดาราก็จะต้องตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอย่างไรหรือไม่ด้วย ส่วนผู้เสียหายจะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

ส่วน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่เห็นสภาวะจิตใจของเหยื่อแข็งแกร่งขึ้น แตกต่างจากวันแรกที่เข้าไปช่วยเหลือ

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ ของ อดีตพยาบาลเหยื่อ "ฮารุ" แฉ ถูกหลอกให้ใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้าน โดนทำร้ายน่วม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook