แม่อดีต ผจก.ทีมฟุตบอลชื่อดัง ขับรถชนคนเสียชีวิต ญาติเรียก 1 ล้าน แต่ต่อเหลือ 3 แสน

แม่อดีต ผจก.ทีมฟุตบอลชื่อดัง ขับรถชนคนเสียชีวิต ญาติเรียก 1 ล้าน แต่ต่อเหลือ 3 แสน

แม่อดีต ผจก.ทีมฟุตบอลชื่อดัง ขับรถชนคนเสียชีวิต ญาติเรียก 1 ล้าน แต่ต่อเหลือ 3 แสน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่อดีตผจก.ทีมฟุตบอลชื่อดัง ขับรถชนคนเสียชีวิต ญาติเรียก 1 ล้าน แต่ต่อเหลือ 3 แสน มากกว่านั้นให้ไปฟ้องเอา

กรณีรถยนต์เอสยูวีสีขาว เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของ “น.ส.นลิน ” หรือ “ป้าลิน” อายุ 60 ปี จนนอนแน่นิ่งไปกลางถนนก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบภายหลังว่ารถคันดังกล่าวเป็นของน้องชาย “ศศิศ สิงโตทอง” อดีตผู้จัดการทีมชลบุรี เอฟซี ซึ่งเพิ่งเป็นข่าวกรณี นักฟุตบอลทีมเดียวกันเมาขับรถชนคนเสียชีวิต ผู้จัดการทีมประกาศยุติบทบาท แต่คนขับรถในวันดังกล่าวทราบว่าเป็นคุณแม่ของศศิศ ขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ออกมาร้องขอความเป็นธรรม

รายการโหนกระแสวันที่ 31 ต.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ เอกชัย ผู้จัดการเรื่องคดีความทั้งหมด, จอย สนิทกับป้าลิน ผู้เสียชีวิต , ลุงเริ่ม น้องชายผู้เสียชีวิต, คุณป้าอารีย์ ญาติ  รวมทั้ง “ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล” ทนายความ

เรื่องเกิดเมื่อไหร่?

เอกชัย : วันที่ 13 เวลา 6 โมง 5 นาทีได้  คือป้าลินเขาจะออกไปซื้อกับข้าวหรือผลไม้ไปให้กับทางครอบครัว เขาไปซื้อประจำทุกวันอยู่แล้ว ตอนนั้นแกออกจากหมู่บ้าน ขับไปเรื่อยๆ ผ่านชุมชนที่เขาขายของ เขาก็แวะซื้อผลไม้ก่อน ออกจากร้านผลไม้ก็ขับไปเรื่อยๆ ไปที่จุดเกิดเหตุ จากภาพวงจรปิด มี HUV คันสีขาว ขับมาชนท้ายรถมอเตอร์ไซค์

พอชนเสร็จป้าลอยขึ้นไปเหรอ?

เอกชัย : รถมอเตอร์ไซค์หมุนสองรอบ ป้าก็ลอยขึ้นไป ตกลงมาหัวปักพื้น นี่คือคำบอกเล่าของชาวบ้านที่เขาเห็น

หลังเกิดเหตุ รถคันนี้ไม่ได้หยุดเลย?

เอกชัย : ชะลอดูนิดนึง แล้วก็ขับออกไปด้วยความรวดเร็วมาก

ตอนนั้นคนที่อยู่ที่ตลาดก็เห็นเหตุการณ์กันหมด?

เอกชัย : เห็นครับ เขาก็มาช่วยกัน คนที่ช่วยป้าน่าจะเป็นพี่ที่อยู่ใกล้สุด เป็นร้านลาบ ร้านอาหารอีสาน เขาเข้าไปดู แต่เลือดน่าจะออกเยอะ ออกทางหัว แต่ไม่รู้ออกจมูกหรือเปล่า แต่ที่รพ.ออกจมูกด้วย เขาดูอาการแล้วน่าจะรุนแรง เลยรีบติดต่อกู้ภัยให้พาคนเจ็บไปส่งรพ. เพราะลักษณะการลงหัวกระแทกพื้นเต็มๆ

ฝั่งครอบครัวทราบเรื่องตอนไหน?

ลุงเริ่ม : ทราบตอน 2 ทุ่มแล้ว ไปถึงรพ.เขาสิ้นใจไปแล้ว ผมมาถึง 3 ทุ่มแล้ว กว่าจะมาถึงชลบุรีก็ไกล

ป้าลินเป็นเสาหลักของบ้านมั้ย?

ลุงเริ่ม : ใช่ครับ

หลังเกิดเหตุ หลังวันที่ 13 เป็นยังไง?

เอกชัย : หายเลยครับ จากวันนั้นไม่มีใครมาถามอะไรเลย ผมมาดูจุดเกิดเหตุถามชาวบ้านแถวนั้น เขาบอกว่าปอเต๊กตึ๊งพาไปรพ.แล้ว คนแถวนั้นได้จดเลขทะเบียนไว้แล้ว เขาวิ่งตามแต่ไม่ทันจริงๆ เขาขับถือว่าเร็วมาก ถ้าดูจากกล้องวงจรปิดจากร้านข้าวสาร มีลุงอีกคนจะข้ามถนนเหมือนกัน แต่แกชะงักทัน ไม่งั้นก็เรียบร้อยเหมือนกัน ตรงจุดนี้เป็นชุมชนไปทางตลาดนัดจตุจักรชลบุรี ยิ่งช่วงเย็นก็ไม่น่าจะขับเร็วได้

ภาพป้าแกนอนที่พื้น แล้วยังไงต่อ ไม่มีใครมาแสดงตัวรับผิดชอบ?

เอกชัย : ผมถามจากชาวบ้านเขาบอกว่าได้ทะเบียนแล้วนะ เราอุ่นใจว่าอย่างน้อยมีเลขทะเบียนน่าจะพอตามได้  ชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกว่าเขาให้ตร.ไปแล้ว ให้ไปถามตร.ได้เลย ที่สภ.เสม็ด ตร.มาที่เกิดเหตุ แล้วก็ให้จากจุดเกิดเหตุเลย

อเราทราบ ตอนเช้าเป็นไง?

เอกชัย : คิดว่าเดี๋ยวจะไปตามอีกทีว่าเรื่องเป็นยังไงบ้าง คิดว่าน่าจะตามได้ ก็ให้ทางลูกน้องไปตามๆ เรื่องที่สถานีตร.ให้หน่อย ลูกน้องไปถาม เขาก็บอกว่าไม่เห็นเลขทะเบียนที่จดมาให้ เขาบอกเดี๋ยวไปลองดูข้อมูลอีกที น้องก็มาเล่าให้ผมฟัง ผมก็ตกใจ เพราะตร.บอกว่าไม่ได้ข้อมูลตรงนี้ ไม่รู้เขาตกหล่นหรือยังไง  ก็ไปถามซ้ำคนแถวนั้น เขาบอกว่าให้กับมือเลย

จากนั้นทำไง ตร.บอกว่าไม่มี?

เอกชัย : ก็ให้น้องไปช่วยหากล้องวงจรปิด หาข้อมูลใหม่เริ่มจากศูนย์เลย หากล้องจากบริเวณนั้น ตร.น่าจะติดงาน เราทำอะไรเองได้ก็ทำช่วยพี่ตร.เขาจะได้เร็ว

จอย : (หัวเราะ) เขาอาจจะงานเยอะ คดีจะยิ่งช้า (หัวเราะ)

คุณก็ไปตามหากันจนเจอ?

เอกชัย : ครับ ก็ได้จากหลายร้าน ก็ไล่ดูกล้องวงจรปิดดูว่าทะเบียนอะไร รถยี่ห้ออะไร เลี้ยวจากจุดไหน มุมไหน ก็ไล่ดู แต่ไม่ได้เลขทะเบียนอยู่ดี แต่ก็ยังไม่เห็นทะเบียน ก็คิดว่าเขาอาจตายฟรีแล้วแบบนี้ พอช่วงเย็นน้องเขาเข้าไปอีกรอบนึง ไปถามร้านพี่ปลาเผา ไปเจอนักข่าวท้องถิ่น เขาบอกว่าเขาถ่ายรูปที่พี่เขาจดไว้พอดี เอามั้ย น้องก็บอกว่าเอา ขอเลยพี่ ขอบพระคุณมาก ซึ่งผมก็กลัวว่าจะช้าก็เสิร์จข้อมูลหาให้เลยว่าใครครอบครองรถไว้ ก็ช่วยเขาอีก

กลัวจะช้าหรือกลัวเลขหายอีก?

เอกชัย : ก็ฝากให้เพื่อนหรือคนรู้จักลองถามขนส่งให้หน่อยว่าทะเบียนนี้ของใคร เพื่อนก็หาข้อมูลมาให้ และถ่ายรูปเลขทะเบียนรถ ชื่อผู้ครอบครอง รวบรวมทั้งภาพวิดีโอ ไฟล์วิดีโอภาพถ่ายปริ้นต์ไปให้พี่ตร.เขาเลย   พร้อมเบอร์โทรศัพท์เจ้าของรถ

สรุปที่คุณได้มาทั้งหมด ชื่อเจ้าของรถเป็นใคร?

เอกชัย :   คุณศศิน สิงห์โตทอง

เชื่อมโยงยังไงกับคุณศศิศ สิงห์โตทอง อดีตผู้จัดการทีมชลบุรีเอฟซี?

เอกชัย : เข้าใจว่าน่าจะเป็นน้องชาย 

งานก็เลยเข้าทางคุณศศิศอีกแล้ว ล่าสุดเพิ่งประกาศเลิกเป็นผู้จัดการฉลามชลไป แล้วรถคันนี้เป็นชื่อน้องชายเขา ตอนแรกไม่รู้ว่าใครเป็นคนขับ คุณเลยเอาเอกสารที่หาเอง ภาพกล้องวงจรปิด หมายเลขทะเบียน ชื่อเจ้าของรถ เบอร์โทรศัพท์เจ้าของรถ เอาไปให้ตร.เองเลย แบบนี้เรียกว่าตร.จำนนต่อหลักฐานมั้ย?

ทนายแก้ว : ได้ครับ จริงๆ หน้าที่นี้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน

พอเอาทุกอย่างให้ตร. เขาบอกว่ายังไง?

เอกชัย :   เขาบอกเดี๋ยวตามให้ครับ

จอย : เดี๋ยวจะออกหมายเรียกให้

เหตุเกิด 13 แล้วหลังจากนั้นยังไง?

จอย :   14 เอาเอกสารไปให้ เขาก็ติดต่อทางน้าเริ่ม ว่าจะไปงานวันเผา วันที่ 16 เขาไม่ได้ติดต่อมาทางญาติ เขาบอกว่าไม่ทันได้มอบตัว มีคนโทรมาถามว่าไปชนรถใครหรือเปล่า เขาก็เลยมา

เขาปรากฏตัววันไหน?

จอย : เขาปรากฏตัวที่โรงพักวันที่ 16 จอยไม่ได้ไป แต่ทางตร.บอกว่าแม่คุณศศิศมา

เอกชัย : คุณแม่เจ้าของรถมาปรากฏตัว บอกว่าเขาเป็นคนชน เขายอมรับ

แต่ตอนนั้นคุณสงสัย?

เอกชัย : สงสัย เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นคนขับแล้วก็ไปเลย หนึ่งแอลกอฮอล์ด้วยหรือเปล่า สองคนที่ขับเราก็ไม่รู้ เพราะติดฟิล์ม ไม่มีการพิสูจน์ ถ้าเขาแจ้งตามนั้นก็ตามนั้นไปก่อน เพราะเราค่อนข้างยุ่งกับงานศพ และงานประจำก็มีอยู่ เขามารับทราบข้อกล่าวหาและลงบันทึกไว้ว่าเป็นผู้กระทำความผิดเอง แต่รายละเอียดผมไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรที่โรงพักบ้าง แล้วพี่ตร.ก็โทรมาแจ้งทางญาติว่าผู้กระทำผิดมายอมรับที่โรงพักแล้วนะ ถ้ายังไงเดี๋ยวจะติดต่อไปอีกที จะนัดมาไกล่เกลี่ยหรือคุยอีกที

คุณได้คุยกับคุณแม่คุณศศิศ?

จอย : ใช่ค่ะ ในวันงานเผา เขาก็ช่วยเบื้องต้น 2 หมื่น พ่อเขาเลยถามว่าทำไมถึงชน เขาบอกว่าเขาตกใจ เขาไม่ได้บอกใครเลย

เอกชัย : 3-4 วัน

จอย : ก็ถามว่าทำไมตกใจนานแล้วจะยังไง เขาก็บอกว่าเดี๋ยวไปคุยกันที่โรงพัก ไม่คุยที่นี่ เขาก็ขอขมาศพแล้วก็กลับกัน

คนที่มา มีใครบ้าง?

จอย :   แม่คุณศศิศ คนที่มาคุยด้วยเขาบอกว่าเป็นโค้ชชลบุรีเอฟซี คุณศศิศยืนรอข้างนอก เขารอกันหลายคน ตอนเขาจะเข้ามาก็มีการส่งคนมาถามก่อนว่าคนในงานเยอะมั้ย

เอกชัย : เขาก็กลัวๆ ว่าจะมีคนมาทำอะไรเขา

คนที่ชนอ้างเป็นแม่คุณศศิน ตอนแรกคุณก็สงสัยว่าใช่คุณแม่เขาจริงหรือเปล่า?

เอกชัย : ใช่ครับ มีความสงสัย สงสัย 2 เรื่อง แอลกอฮอล์กับเรื่องคนขับ แต่ทีนี้เมื่อหลักฐานเราไม่ชัดแจ้ง ก็คิดว่าเขามาหาแล้ว มาคุยแล้ว เขาบอกว่าเดี๋ยวคุยกัน เขาอาจมีเงินช่วยเยียวยา ชดใช้ให้ ก็เบาใจไประดับนึงว่าอย่างน้อยเขาก็มาเคารพศพ มาช่วยเหลือทางญาติด้วยการชดเชยค่าใช้จ่ายให้

เขาชดเชยให้เท่าไหร่?

เอกชัย :   ที่ไปคุยที่โรงพัก เราก็เรียกไปตามเหตุและผล ป้าแกทำงานเงินเดือนเกือบ 2 หมื่น ปีนึงขั้นต่ำปีละ 2 แสน ถ้าหมื่น ป้าแก 58 น่าจะทำงานไปได้ถึง 65 เป็นอย่างต่ำ เพราะเป็นธุรกิจในครอบครัว เป็นอู่ซ่อมรถ ป้าแกดูแลตั้งแต่เปิดร้านยันปิดร้าน ดูพวกอะไหล่ หาอะไหล่ ส่งอะไหล่ แกเป็นคนจัดการบริหารทุกอย่าง รวมถึงเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานที่บ้านด้วย ดูจากรายได้ของแก ปีนึงไม่น่าจะต่ำกว่า 2.5 แสน อีก 7 ปีก็ตีไป 1.5 ล้าน แต่ผมก็เอาสมเหตุสมผล เอาแค่ 1 ล้านก็พอ

1 ล้านบาท สมเหตุสมผลมั้ย?

ทนายแก้ว : สมเหตุสมผลมาก จริงๆ ยังน้อยไปด้วยซ้ำ

ป้ารินเป็นเสาหลัก แกมีที่ดินอยู่แปลงนึง แกเอาไปจำนองเอาเงินมาปลูกบ้านให้พวกพี่ๆ อยู่?

ลุงเริ่ม : ผมอยู่กับพี่ชายผม สองคน เขาก็ต้องผ่อนเป็นรายเดือน ผมทำอะไรไม่ไหว มีโรคประจำตัว จะเอาที่ไหนผ่อน ก็ต้องเอาจากเขานั่นแหละ ค่าเยียวยาก็จะเอาไปโปะ

ทนายแก้ว : ป้าลิมผ่อนเดือนเท่าไหร่

จอย : ประมาณ 8-9 พัน

ลุงเริ่ม : เขาเป็นเสาหลักของผมเลย ผมทำอะไรไม่ไหวแล้ว

พรบ.รถเขามีมั้ย?

เอกชัย : พรบ.ขาดครับ

ประกันรถมีมั้ย?

จอย : ไม่ทราบ เพราะเขาไม่ได้พูดถึงเลยค่ะ

เอกชัย : คิดว่าน่าจะไม่มี เพราะถ้ามีคงแจ้งตั้งแต่ทีแรก

เราเรียกไป 1 ล้าน เขาว่ายังไง?

จอย : เขาบอกว่าไม่มี เขามีแค่ 3 แสน เขาต้องเอาบ้านเขาไปจำนอง เพื่อให้ได้เงิน วันนี้เขาจะไปทำเรื่อง เขาก็ถามว่าแค่นี้ได้มั้ย เราก็บอกว่ามันไม่ได้ค่ะ มันไม่พอจริงๆ สามารถช่วยทางเราได้เยอะกว่านี้มั้ย จะผ่อนก็ได้เพื่อไปจ่ายค่าธนาคาร เพราะทางญาติเขาก็ไม่มีรายได้ เขาก็บอกว่า 4 แสนจบเลยมั้ย เราก็บอกว่าไม่ได้ ก็ต้องนัดไกล่เกลี่ยรอบที่ 3 ค่ะ                   

เรียกไป 1 ล้านต่อเหลือ 3 แสน?

ทนายแก้ว :   ขอเสนอแนวคิดนิดนึงถ้ากลับกัน ป้าลิมทำแม่คุณศศิน จ่าย 3 แสน เขาก็คงไม่ยอม การเยียวยาอยู่ในวิสัยพอควรมั้ย ป้าลิมอายุ 58 ยังไง 65 ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ผมคิดที่อายุ 70 ยังทำงานได้อีก 12 ปี ถ้าเดือนละ 2 หมื่น ตีไปสองล้านกว่าบาทแล้ว ตัวครอบครัวคิด 1 ล้าน ผมว่าเหมาะสมที่สุด กรณีนี้ขอพูดนิดนึงว่ามันผิดปกติ คนอายุ 60 กระทำความผิดต้องมีการฉุกคิด ผมแปลกใจทำไมคนวัยเดียวกันถึงไม่ลงมาดูเลย

ฝั่งทีมงานของเราได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์คุณศศิศ เขาก็แจ้งว่าจริงๆ เขามีคลิปว่าแม่เขาขับจริงๆ ไม่มีการเปลี่ยนตัว ตอนขับรถที่หมู่บ้านเปิดกระจกลงมาก็เป็นแม่เขา ที่สำคัญได้รับรายงานชี้แจงจากผู้ใหญ่บางท่าน บอกว่าทางคุณแม่จริงๆ แยกทางกับบ้านคุณศศิศ ศศินไปแล้ว แต่แม่ไปยืมรถบ้านนี้มาใช้ พอไปชนเอารถคันนี้กลับไปก็ไม่บอกเขาด้วย ตอนแรกลูกก็ไม่รู้เหมือนกัน ทางนี้เรียกไป 1 ล้าน แต่เขาต่อเหลือ 3 แสน ทางนี้คงไม่ยินยอม?

ทนายแก้ว :   เรื่องขับรถชนแล้วหนี มาตรา 78 พรบ.จราจรทางบก กำหนดชัดเจนว่ากรณีนี้เมื่อเกิดเหตุต้องหยุดช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ถ้าไม่ปฏิบัติมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับตั้งแต่ 5 พันถึง 2 หมื่น ส่วนผลจากการกระทำที่มีการประมาททำให้บุคคลถึงแก่ความตาย ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสน แน่นอนว่าส่วนการเรียกร้องสามารถเรียกร้องส่วนแพ่งได้ด้วย ในกรณีคุณป้าผู้ขับขี่ แต่จะเรียกเจ้าของรถได้หรือไม่ ต้องดูว่าเขาเป็นตัวการตัวแทน เป็นนายจ้างลูกจ้างกันมั้ย สมมติลูกชายมอบหมายให้คุณแม่ขับรถไปซื้อข้าวให้ แบบนี้เป็นตัวการตัวแทนกัน แบบนี้ฟ้องส่วนแพ่งเรียกค่าเสียหายได้ แต่ถ้าไม่ได้มีการเชื่อมโยงของตัวการตัวแทน หรือนายจ้างลูกจ้าง ส่วนนี้เราก็เรียกร้องกับเจ้าของรถไม่ได้ เราก็เรียกร้องได้กับคุณป้าลาวัลย์ ผู้กระทำความผิด

เขาบอกว่าเขาหนีไปตั้งหลัก?

ทนายแก้ว :   ไม่เกี่ยวครับ กรณีนี้คุณไม่ได้ไปแจ้งความเลย คุณจะอ้างว่าตกใจกลัว กฎหมายไม่ได้เปิดช่องไว้อย่างนั้น

พฤติกรรมที่ชนแล้วหนี โทษหนักกว่าชนปกติมั้ย?

ทนายแก้ว : มากกว่าครับ กรณีนี้แน่นอนว่าปี 45 มีแนวคำวินิจฉัยฎีกาที่ 5539-45 กำหนดไว้เลยว่ากรณีชนแล้วหนี ศาลมองว่าไม่ได้เป็นอาชญากรร้ายแรง แต่ต้องดูบริบท ณ ปัจจุบันด้วย ว่าคุณป้าเขามีเจตนามั้ย ในความเห็นส่วนตัวผม กรณีนี้เล็งเห็นผลได้อย่างชัดเจน ว่าการชนถึงแก่ความตายแน่ๆ

วันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับชลบุรีเอฟซี แต่บังเอิญคนชนเป็นแม่ผู้จัดการชลบุรีเอฟซี มันก็เลยงานเข้าคุณศศิศ แต่โดยบริบทไม่ได้เกี่ยวข้องกับชลบุรี เอฟซี  ตอนแรกบอกว่ารวบรวมข้อมูลกำลังจะคุยกับเรา แต่ล่าสุดโทรไปแล้วไม่รับ น่าจะประชุมเหมือนกัน อาจให้ข้อมูลไม่ได้?

ทนายแก้ว : ผมแปลกใจจริงๆ ที่ตร.น่าจะเป็นที่พึ่งให้ประชาชน แต่กลายเป็นสื่อเป็นที่พึ่งประชาชนแทน

กรณีแบบนี้ ไม่ใช่ฝั่งญาติคนตายต้องไปหาหลักฐานกันเอง?

ทนายแก้ว : ใช่ครับ เพราะตร.มีฝ่ายสืบสวน  สอบสวน

ตร.ไม่ใช่นกเขา ต้องคอยย่อยแล้วไปให้?

ทนายแก้ว : ใช่ครับ ตร.ต้องหูตามากกว่าเราอยู่แล้ว การเอากล้องวงจรปิดง่ายมาก ทำไมหวานเย็นผมก็ไม่ทราบจริงๆ

พอจะติดต่อก็หายอีกแล้ว แล้วก็มาด่าว่าไอ้หนุ่มเล่นตร.อีกแล้ว ผมไม่ได้เล่นนะ แต่บริบทสังคมจะเปลี่ยน สื่อมีแค่หน้าที่นำเสนอข้อมูลออกไป ไม่ได้รับแจ้งความนะ ตร.เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นผู้ที่รับแจ้งความ แล้วอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในเรื่องนี้ นี่เอะอะมาโหนกระแส ร้องโหนกระแส ทำไมไม่ทำให้เห็นว่ามีอะไรไปหาตร.ที่นี่ ไปหาตร.คนนี้ อย่างที่บอกนี่ก็ต้องไปตามหา ตร.เป็นองค์กรใหญ่ พอมีข้อเสีย ก็ถูกเชื่อมโยงไปหมด อันนี้เป็นประเด็นสำคัญ?

ทนายแก้ว : ถ้าพี่เอกหาข้อมูลไม่ได้จะทำยังไง ก็ตายฟรี ถูกมั้ย

เอกชัย : ตอนนั้นก็เหวอ คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่บุญเก่ายังพอมีอยู่บ้าง ยังโชคดี

จอย : แล้วมีชาวบ้านช่วยด้วย เขาก็ให้ความร่วมมือดีด้วย 

ก่อนทำเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่ปลอดภัย เพราะมีทนายท่านนึงโทรมาขู่ทีมข่าวโหนกระแส กับเที่ยงวันทันเหตุการณ์ บอกว่านำเสนอไปไม่สนนะ กรรชัยยังไงก็เอาหมดนะ บันทึกเสียงไว้หมดนะ นี่เป็นเรื่องประชาชน เขาเดือดร้อน เขาตกทุกข์ได้ยาก เขาก็มาขอให้เราช่วย บางครั้งก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง บางครั้ง 1 ล้านมันก็ไม่ได้มากสำหรับชีวิตคนๆ นึง 10 ล้านคุณก็เอาชีวิตเขาคืนมาไม่ได้ ให้เขาไปเถอะ ไม่ใช่ 3 แสนไม่ได้ก็ไปฟ้องเอา มีคลิปหลักฐานที่พูดด้วยนะ แต่เราไม่เปิดให้ฟัง?

ทนายแก้ว : เงินมันทดแทนไม่ได้ 1 ล้านบาทเยียวยาความรู้สึกได้แค่เบื้องต้นเท่านั้น  แต่คนทนทุกข์ทรมานคือครอบครัว  ใครอยากจะเสียชีวิตล่ะ

ลุงเริ่ม : บอกไม่ถูก เหมือนขาดเสาหลัก งงไปหมด

นัดเขาคุยอีกทีวันไหน?

เอกชัย : วันที่ 1 พ.ย. เดี๋ยวโทรถามพี่ตร.อีกทีว่าทางโน้นสะดวกมั้ย

ตร.ไม่ใช่นกเขา ต้องให้เขาย่อยไปให้?

ทนายแก้ว : ตร.เก่งมากนะ ตามจับได้เร็วอยู่แล้ว แปลกจังที่เช็กทะเบียนแค่นี้

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook