ฟังสองมุม สาวร่ำไห้อดีตแฟนแย่งลูกจากอก ฝ่ายชายโต้ทำร้าย แค่จะพาลูกไปอยู่กับปู่ย่า
ฟังสองมุม สาวร่ำไห้อดีตผัวถือมีดแย่งลูกจากอก ฝ่ายชายโต้ทำร้าย แค่จะพาลูกไปอยู่กับปู่ย่าเพราะอดีตเมียไม่มีความพร้อมดูแล
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้นำคลิปความยาว 31 วินาที เป็นชายรายหนึ่ง ใช้มีดสปาต้า งัดประตู้เข้ามาในห้อง ซึ่งมีผู้หญิงและลูกสาว อายุ 1 ขวบ 2 เดือนอยู่ในห้อง หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวเมื่อเห็นผู้หญิงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ จึงได้ใช้ปลอกมีดปัดกล้อง โดยมีเสียงผู้หญิงร้องไห้ ขอร้องอย่าทำร้ายลูก ก่อนที่คลิปจะตัดไป พร้อมกับเขียนข้อความโพสต์ว่า
“สิ่งที่เราต้องเจอในแต่ละวันมันหนักมากจิงๆ อยากได้ลูกคืน ตอนนี้ทางนั่นไม่ให้ลูกมาอยู่กับปุ๋ยเราสามารถทำอะไรได้บ้างคะขอความเห็นหน่อยค่ะ เหตุการณ์ในคลิปเพียงเพราะลูกเอาแหวนเงินไม่กี่ร้อยไปเล่นแล้วทำหาย ถึงต้องเอามีดจะมาฟันเลยหรอ ตอนนี้ปุ๋ยออกมาได้หลายวันแล้ว แต่ลูกยังอยู่ที่นั่น อย่าว่าแต่เป็นพ่อเลย เป็นคนให้ได้ก่อน ทั้งครอบครัวฝั่งนู้น เข้าข้างลูกหลานเค้าหมด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่ต้องเจออะไรแบบนี้ แต่ไม่ได้ถ่าย คือพูดให้พ่อแม่เค้าฟังไม่มีใครเชื่อนี่สักคน นี่เลยถ่ายไว้”
ล่าสุด วันนี้ (10 พ.ย.65) เวลา 12.00 น. น.ส.เก๋ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี อาชีพช่างกราฟิกฟรีแลนซ์ ผู้หญิงที่ปรากฏในคลิป พร้อมด้วยเพื่อนสาว ได้เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.โชคชัย โดยมี พ.ต.ท.ปิติพัฒน์ ฐิติเดชาวรวัฒน์ สว.(สอบสวน) สภ.โชคชัย รับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้
ทั้งนี้จากการสอบถาม น.ส.เก๋ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ตนเองนั้นคบหากับนายโอ (นามสมมติ) มานานกว่า 4 ปี โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และได้มาเช่าบ้านอยู่ในบ้านเอื้ออาทร ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา กระทั่งมีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นลูกสาววัย 1 ขวบ 2 เดือน ระหว่างที่อยู่ด้วยกันนายโอ มักจะชอบเสพกัญชา และเกิดอาการเมากัญชามาทำร้ายร่างกายตนเองบ่อยครั้ง จนตนเองรู้สึกกลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย กระทั่งเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตนเองจึงได้ตัดสินใจบอกเลิกคบกับนายโอแบบสามีภรรยากัน โดยทำข้อตกลงว่าต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน โดยนายโอจะอยู่ชั้นล่าง ส่วนตนเองจะอยู่ชั้น 2
ส่วนคลิปดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 5 พ.ย.65 ที่บ้าน ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านที่ตนเองเช่าอยู่กัน 3 คน กับนายโอ (นามสมมติ) อดีตแฟน และลูกสาววัย 1 ขวบ 2 เดือน ภายหลังจากที่นายโอ ทราบข่าวว่าวันที่ 6 พ.ย.65 ตนเองจะย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะไม่อยากให้อยู่ที่บ้านหลังนี้ กลัวว่าลูกจะไม่ได้รับความปลอดภัย นายโอจึงได้พยายามใช้มีดทุบประตู และเปิดประตูมาเพื่อที่จะทำร้ายตนเอง หลังจากนั้นนายโอก็ชิงตัวลูกสาวไป แล้วนำไปให้ปู่กับย่าเลี้ยงแทน อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ตนเองรู้สึกเป็นห่วงลูกมาก อยากได้ลูกคืนมา เพื่อที่จะนำไปให้ตากับยายเลี้ยงที่ ต.จอหอ อ.เมืองนครราชสีมา และจะไม่กลับมาคืนดีกันกับนายโออีกเด็ดขาด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย ได้เชิญตัวนายโอ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป คู่กรณีมาสอบสวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนายโอ เล่าว่า ภาพที่ปรากฏในคลิป ตนเองนั้นไม่ได้ถือมีดสปาต้าเพื่อที่จะมาทำร้ายอดีตแฟนสาว เพียงแต่ตอนนั้นประตูปิดล็อกไว้ จึงต้องใช้มีดงัดประตูเพื่อที่จะเข้ามา เพื่อที่จะพาลูกสาวไปฝากให้ปู่กับย่าเลี้ยงแทน เนื่องจากว่าตนเองรักและเป็นห่วงลูกสาวมาก เพราะแม่ของเด็กไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่รู้ว่าถ้าพาลูกไปแล้วจะเลี้ยงดูได้ดีมากน้อยเพียงใด แต่การนำลูกไปให้ปู่กับย่าเลี้ยง จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งตนเองก็ไม่เคยห้ามว่าจะไม่ให้แม่ของเด็กมาเยี่ยมลูกเลย ถ้าเขามีความพร้อมในการเลี้ยงดูได้ดีกว่าตนเอง ก็พร้อมที่จะมอบลูกสาวให้วันนี้เลยก็ได้
แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพาผู้ใหญ่มายืนยันว่าจะนำลูกไปอยู่ที่ไหน มีเพียงเพื่อนมาเท่านั้น และการนำเรื่องราวไปโพสต์ในโลกโซเชี่ยล โจมตีว่าตนเองใช้ความรุนแรง และพยายามใช้มีดมาข่มขู่จะทำร้ายนั้น ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก ตนเองได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงอยากชี้แจงให้ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ ส่วนจะให้กลับไปคืนดีกันนั้น ตนเองก็คงจะไม่แน่นอน เพราะตอนนี้พูดคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว
ด้านนายปอ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี ปู่ของเด็กหญิงวัย 1 ขวบ 2 เดือน ที่พ่อกับแม่ทั้งคู่แย่งกัน กล่าวว่า ตอนนี้หลานสาวอยู่กับตนเองและย่า ที่หมู่บ้านเอื้ออาทร ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งยืนยันว่าหลานได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี โดยตนเองก็ได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด แต่ก็ทราบว่าลูกชายและลูกสะใภ้ มีปัญหาทะเลาะกันและแยกกันอยู่สักพักแล้ว เพียงแต่เรื่องลูกก็อยากให้ค่อยๆ พูดคุยกัน เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่พอลูกชายทราบว่าแฟนสาวกำลังจะเก็บข้าวของเพื่อย้ายออกไปอยู่ในห้องเช่ากับเพื่อน ก็รู้สึกเป็นห่วงลูกสาว จึงได้ไปนำตัวลูกสาวมาฝากให้ตนเองเลี้ยงดูแทน เพราะกลัวว่าถ้าให้ไปอยู่กับแม่ที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จะได้รับการเลี้ยงดูไม่ดีเท่า อีกอย่างแม่ของหลานก็ต้องไปทำงานค้าขายด้วย แล้วใครจะดูแลหลานให้ โดยวันที่ 16 พ.ย.นี้ ทางแม่ของเด็กก็จะเข้ามารับหลานสาวไป ซึ่งตนเองก็จะให้รับไปอยู่แล้ว ไม่ได้กีดกัน เพราะความเป็นพ่อ เป็นแม่ห้ามกันไม่ได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน เพื่อไม่ให้ต้องมีการแจ้งความจนเป็นคดีที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งจะเสียเวลาทั้งสองฝ่าย โดยทางคู่ยังยืนยันว่าจะไม่กลับมาคบกันอีกเด็ดขาด แต่ทางฝ่ายชายก็ยินยอมที่จะให้ฝ่ายหญิงไปรับลูกสาวไปอยู่ด้วยได้ ซึ่งทำสัญญากันไว้ว่าฝ่ายชายก็จะสามารถมาเยี่ยมลูกได้เช่นกัน ทำให้เรื่องนี้ตกลงกันได้ด้วยดีในท้ายที่สุด