ทนายอานนท์ แจ้งความเอาผิด คฝ. ใช้ความรุนแรงสลายม็อบ
ทนายอานนท์ แจ้งความเอาผิดตำรวจ คฝ. เหตุใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม รุ้ง ปนัสยา เดินทางมาให้กำลังใจที่สน.สำราญราษฎร
วันนี้ (19 พ.ย. 65) นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) แกนนำกลุ่มราษฎร ได้เดินทางมาที่ สน.สำราญราษฎร เพื่อมาให้กำลังใจ ทนายอานนท์ นำภา เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เอาผิดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนทุกระดับชั้นที่มีส่วนใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมบริเวณถนนดินสอ จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา
โดย น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น มีคนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นตาบอด ทั้งที่มีการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ระหว่างมีการประชุมของผู้นำต่างประเทศมาประชุมเอเปค แต่ในสายตาของตำรวจไม่ได้มองแบบนั้น ไม่แน่ใจว่าเขาคิดกับเราเกินไปแบบไหน ซึ่งกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ตนเองรู้สึกช็อกและตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
“กับคนที่ถูกยิงจนถึงขั้นตาบอด จึงไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ต้องใช้อารมณ์ในการปฏิบัติหน้าที่มากมายขนาดนั้น มีคลิปและภาพปรากฏชัดเจน ทั้งนี้ ตนเองเชื่อว่าภายในของตำรวจทุกคนไม่ได้มาเพื่อตีประชาชนอาจจะมาจากคำสั่ง แต่ขอให้มีวิจารณญาณทำหน้าที่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอีก”
ต่อมาเวลา 14.10 น. นายอานนท์ กล่าวว่า วันนี้ทางกลุ่มราษฎรได้ส่งตัวแทนแจ้งความกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ กล่าวโทษ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ ใช้กำลังเข้าทำร้ายผู้ชุมนุมและสื่อมวลชน ซึ่งทำการสลายการชุมนุมหลายคนได้บาดเจ็บโดยเฉพาะพายุ ที่อาจสูญเสียดวงตา อย่างไรก็ตาม จะดำเนินคดีทุกคนระดับปฏิบัติการจนถึงผู้บังคับบัญชา หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง มีทั้งคลิปและภาพเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ขอให้ผู้เสียหายรายอื่นดำเนินคดีตามกฎหมาย ยอมรับกังวลที่เจ้าหน้าที่อาจช่วยเหลือกันเอง แต่คิดว่าตำรวจที่ดีก็ยังคงมีอยู่บ้าง
ด้านนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองเดินทางไปเยี่ยมพายุ ผู้บาดเจ็บมา ขณะนี้ยังไม่ฟื้นจากการสลบ จากการสอบถามทางแพทย์ที่ทำการรักษาทราบว่า มีอาการกล้ามเนื้อตาฉีกขาด หัวตาฉีกขาด อวัยวะในลูกตาออกมาข้างนอกหมด หมอทำความสะอาดเย็บกลับเข้าไปเช่นเดิม
อีกรายหนึ่งกระดูกเบ้าตาด้านขวาแตก มีฟันหักและแผลในปาก และมีผู้บาดเจ็บหลายคน พายุอาการหนักสุดคือไม่รับรู้ถึงแสงสว่างแต่อย่างใด ถือว่าเป็นการบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้ ประชาชนเสียดวงดาไปแล้ว 3 ราย ขอไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียอวัยวะดังกล่าวอีก
กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้มีการอ่านแถลงการณ์ มีใจความว่า รัฐบาลในคราบเผด็จการไม่ต้องขยายความเลวร้ายในการประชุมเอเปค ถัดออกไปเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนวางอาวุธไล่ตีอย่างบ้าคลั่ง แต่จากข้อกล่าวอ้างรักษาความสงบเรียบร้อย รัฐใช้ความรุนแรงเป็นปกติ ละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศสิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเมือง
ยืนยันว่า ไม่มีผู้ชุมนุมกลุ่มใดทำลายการประชุมเอเปค เพียงต้องการให้ฟังความเห็นของกลุ่มผู้ชุมนุม และเรียกร้องฝ่ายความมั่นคง พวกเขาที่ถูกทำร้ายอาจจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อน ซึ่งเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่คำสั่งของเผด็จการไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นคนเลวร้ายเชื่อว่าจะกลับมายืนเคียงข้างประชาชนได้เพื่อสร้างสรรค์อนาคตได้ขอให้กลับมาเคียงประชาชน