"บอย ปกรณ์" ตอบดราม่า "หน่อง ธนา" เผยช่วงนี้น้องชายมีเรื่องเครียด!

"บอย ปกรณ์" ตอบดราม่า "หน่อง ธนา" สาเหตุร้องไห้กลางวงสัมภาษณ์ เผยช่วงนี้น้องชายเครียดหลายเรื่อง

หลังเกิดดราม่าน้องชาย หน่อง ธนา ร้องไห้ขณะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องเตรียมลาบวช ล่าสุดวันนี้(25 พฤศจิกา) บอย ปกรณ์ พี่ชายคนโตของบ้าน ได้มาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งตอบเรื่องตนเองโพสต์ข้อความ ตัดพ้อชีวิตเจอแต่คนคิดไม่ซื่อลงในไอจีสตอรี่ด้วย

โดย บอย เผยว่า “หลังเกิดดราม่าได้คุยกับหน่องแล้ว ความจริงแล้วไม่ได้มีอะไรใหญ่โตอย่างที่ทุกคนคิดครับ และผมก็ได้เห็นคลิปสัมภาษณ์ด้วย ที่หน่องพูดถึงเรื่องบวช แล้วก็พูดถึงเรื่องความเครียดของเขา ผมก็รับรู้ได้ว่าช่วงนี้เขามีความเครียดจริงๆ ทั้งเรื่องงานของเขาด้วย และน่าจะมีเรื่องอื่นๆ อีก ผมพูดตรงๆ ผมอาจจะไม่รู้ก็ได้ เราเป็นพี่น้องกันก็จริง เราก็ไม่ได้รู้เรื่องทุกเรื่องของเขา ที่เรารู้หลักๆ คือเรื่องงานของเขา ผมก็ถามเขาเมื่อวานทำไมมันมีอะไร เขาก็บอกว่าช่วงนี้เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว เหมือนกับใจไม่ค่อยนิ่ง เขาก็มีหลายเรื่องให้เขาคิด ทั้งเรื่องที่เขาต้องเตรียมจะบวชแล้วด้วย เรื่องที่เขามีหลายอย่างที่ต้องเคลียร์ แต่หลักๆ แล้วมันไม่มีอะไรใหญ่โต”

“ความจริงอยากจะบอกว่า ได้เห็นตามหน้าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ก็ขอบคุณแทนน้องชายผมที่คอยเป็นห่วงเป็นใยความรู้สึกของหน่อง ตอนนี้หน่องก็โอเคแล้วครับ มีหลายๆ อย่างที่เขากังวล ผมขอพูดอีกนิดนึงแล้วกัน ไม่ได้จะออกตัวแทนใคร ผมอยากจะพูดเฟคที่เกิดขึ้นแล้วกัน ความจริงแล้วพี่นักข่าวได้มีการโทรไปคุยกับหน่องแล้ว ความจริงเป็นพี่นักข่าวที่รู้จักกันอยู่แล้ว หน่องก็ไม่ได้ติดใจอะไร คือคุยกันเรียบร้อย ไม่มีอะไรครับ”

“อย่างที่บอกขอบคุณ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงความรู้สึกหน่อง ขอบคุณมากๆ จริงๆ ครับ เมื่อวานผมกับแม่ก็อยู่กับหน่องด้วย ทุกคนก็ถามก็เป็นห่วงหน่อง ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า หน่องก็บอกมีความเครียดเรื่องงาน ผมก็เชื่อลึกๆ ว่าอาจจะมีเรื่องอื่นอีก ที่เป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ได้บอกเรา ถามว่าเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มั้ย เป็น คืออยากจะบอกว่าหน่องในลุคที่ทุกคนเห็นเนี่ย เป็นหน่องที่ลั้ลลาบางทีก็พูดอะไรไปเรื่อย ติสท์ๆ บ้าง ความจริงหน่องเขามีมุมนี้ของเขาอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่ถ้าเขาเครียดหรือเขามีอะไรในใจ บางเขาจะไม่ค่อยพูดนะ แต่เราสังเกตรับรู้ได้เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว”

“แต่ช่วงนี้อาจจะมีหลายๆ อย่าง เรื่องของเวลาที่กระชั้นเข้ามา เดี๋ยวต้องบวชแล้วมันเลยทำให้เขามีความกดดันข้างในมั้งผมว่า ถามว่าพี่น้องช่วยฮีลใจกันยังไง ผู้ชายมันก็คุยกันแบบผู้ชาย ก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวมันก็ผ่านช่วงนี้ไป เดี๋ยวก็ดีขึ้น เคลียร์งานสิโน่นนี่ ผู้ชายมันไม่ต้องพูดอะไรเยอะครับ เรื่องบวชก็คุยกัน ถ้าจะทำอะไรพวกนี้มันเป็นเรื่องสำคัญของที่บ้านอยู่แล้ว ต้องมาปรึกษากันอยู่แล้ว ความจริงหน่องก็อยากบวชมานานแล้ว ผมเองก็อยากบวช แต่เรื่องภารกิจหน้าที่มันยังไม่สามารถหาจังหวะลงล็อกได้ ตอนนี้เขาสามารถที่จะเคลียร์ทุกอย่างได้ ก็มาลงล็อกช่วงนี้ เป็นจังหวะต้องตอนนี้แล้ว ถ้าเกิดไม่เป็นตอนนี้ก็ไม่รู้จะมีจังหวะได้บวชอีกเมื่อไหร่ ก็เลยเป็นสาเหตุที่ว่ามีความปุบปับนิดนึง”

“การบวชเนี่ย ก็คือลูกผู้ชายครั้งนึงบวชเพื่อทดแทนบุญคุณของทั้งพ่อทั้งแม่ด้วย ก็เป็นปกติ แต่หน่องเขาอยากบวชเอง เพราะที่บ้านภัทรบวชแล้ว หน่องกำลังจะบวช เหลือผมก็อยากบวชนะ ความจริงผมควรจะบวชได้ตั้งนานแล้ว แต่จังหวะมันไม่มีเพราะว่าพอบวชเสร็จต้องรอผมยาว งานมันก็มีต่อเนื่องเข้ามาเรื่อยๆ เลยยังไม่สามารถหาจังหวะที่ลงล็อกได้เท่านั้นเอง”

“ผมว่าพอพูดเรื่องนี้บวกกับว่าเขามีความตื้นตันดีใจปนเข้ามาด้วย ในที่สุดก็ได้บวชแล้ว ได้ทำตามที่ตัวเองอยากจะทำ ผมไม่รู้นะแล้วแต่บ้านคิดยังไง อาจจะไม่เหมือนกัน แต่สำหรับบ้านผมการบวชคือการทดแทนบุญคุณให้กับบุพการีของเรา มันเป็นอะไรที่เราอยากทำให้อยู่แล้ว อยากให้ทุกคนร่วมอนุโมทนาบุญให้กับหน่องด้วยครับ”

“ส่วนเรื่องที่ผมโพสต์ไอจีสตอรี่ ความจริงแล้วผมก็เป็นคนที่ ผมเป็นคนไม่ค่อยเวลารู้สึกอะไรก็ตาม หรือเจอเหตุการณ์อะไรก็ตาม ผมเป็นคนไม่ค่อยโพสต์ ไม่ค่อยเล่า ไม่ค่อยออกสื่ โดยเฉพาะเป็นเรื่องซีเรียส แต่เมื่อวานผมคงรู้สึกอึดอัดจริงๆ แหละ มันเจอเหตุการณ์อะไรมา มีคนที่เออ ผมว่าทุกคนก็คงเจอกันหมดแหละในชีวิต  มันก็เจอทั้งคนที่ดีกับเรา คนที่ไม่ดีกับเรา ไม่ซื่อตรงกับเรามันคงเจอกันเรื่อยๆ แต่ผมเพิ่งเจอมา แค่รู้สึกพอมานั่งคิด เออ ชีวิตนี้ก็เจออย่างนี้เยอะเหมือนกันนะ”

“ความจริงแล้วอยากจะบอกว่า ที่ผ่านมาที่เจอมันก็มีหลากหลายเรื่องราวครับ เวลาเจอปัญหาก็เคลียร์ไป มันก็มีทั้งที่เคลียร์ได้เคลียร์ไม่ได้ คาราคาซัง ส่วนเคสนี้ก็กำลังเคลียร์อยู่ครับ ถามว่าต้องระมัดระวังยังไง คงเปลี่ยนอะไรยาก ผมก็เป็นของผมแบบนี้มานานแล้ว เวลาได้ติดต่อกับใคร หรือรู้จักกับใคร ผมค่อนข้างให้ใจเหมือนกันนะ เราก็ทำดีกับเขาเต็มที่เหมือนที่เราเป็นนั่นแหละ ถ้ามันจะเกิดก็คงต้องให้มันเกิด แต่อะไรที่มันเกิดขึ้นก็คงเป็นบทเรียนให้เราในครั้งต่อไป เราก็ระวังตัวให้มากขึ้นแค่นั้นเอง อาจจะไว้ใจคนได้แต่ระวังมากขึ้นนิดนึง แต่ไม่ถึงขั้นเราต้องทำตัวให้เข้าถึงยากแล้ว ต้องหวาดระแวงตลอดเวลา ต้องขึงขัง เราก็เป็นแบบที่เราเป็นนี่แหละ”