พ่อช่วยลูกชายโดนทำร้าย ขับเก๋งพุ่งชนแก๊งโจ๋หนีกระเจิง สลด รถเสียหลักชนต้นไม้ดับ
พ่อช่วยลูกชายโดนทำร้าย ขับเก๋งพุ่งชนแก๊งโจ๋หนีกระเจิง สลด รถเสียหลักชนต้นไม้ ลูกแทบล้มทั้งยืน เสียพ่อไปในวันพ่อ
(5 ธ.ค.65) เมื่อเวลา 03.15 น. ร.ต.อ.สิงหา สิงหาชาลี รองสว.สอบสวนสภ.คลองหลวง รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนต้นไม้ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายติดอยู่ภายในยานพาหนะ ที่เกิดเหตุถนนเลียบคลองสองฝั่งเลียบกำแพงวัดพระธรรมกาย จากถนนบางขัน-หนองเสือ ก่อนถึงประตู 8 วัดพระธรรมกาย
หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ต.สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง กำลังชุดสืบสวน อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งพร้อมอุปกรณ์ตัดถ่าง รถกู้ชีพรพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รถกู้ชีพรพ.บางปะกอกรังสิต2 ที่เกิดเหตุพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นโคโรล่าสีบรอนซ์
เสียหลักชนต้นไม้ตัวรถฝั่งขวาติดคาอยู่กับต้นไม้ริมคลองสภาพพังยับเยิน ภายในห้องโดยสารพบผู้ขับขี่และผู้โดยสารจำนวน 4 ราย อาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ๊งต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย ทราบชื่อ น.ส.สิริพร อายุ 19 ปี นายชยานันท์ อายุ 22 ปี น.ส.สุนิตา อายุ 19 ปี ถูกนำส่งร พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รพ.ภัทรธนบุรี รพ.บางปะกอกรังสิต2
ส่วนผู้ขับขี่เสียชีวิตอัดก๊อปปี้คาเบาะทราบชื่อ นายอำนาจ อายุ 43 ปี สอบสวนเบื้องต้น นายลัทธพล อายุ 17 ปี บุตรชายคนตายให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองและเพื่อนเพิ่งออกจาก สภ.คลองหลวง หลังจากพานายณัฏฐนันทร์ อายุ 18 ปี ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพราะถูกเพื่อนที่รู้จักกันข่มขู่จะทำร้ายร่างกายผ่านเฟซบุ๊ก สาเหตุมาจากการยืมเงิน 300 บาท แต่เจ้าตัวคืนเงินให้ไปแล้ว ก่อนจะเดินทางออกจาก สภ.คลองหลวง เพื่อที่จะไปส่ง ด.ญ.มาเฟียร์ อายุ 14 ปี แฟนของนายณัฏฐนันทร์ ที่บ้านพักในซอยไอยรา 7 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยนายณัฏฐนันทร์ และ ด.ญ.มาเฟียร์ นั้นขับขี่และซ้อนท้ายมาด้วยกันใช้รถจยย.1คัน ส่วนตนเองซ้อนท้ายรถจยย.ที่มีนายรพีพัฒน์ อายุ 18 ปี เป็นผู้ขับขี่ โดยมีพ่อขับรถเก๋งคันเกิดเหตุกับเพื่อนรุ่นพี่ของตนเองและแฟนเพื่อนขับออกจาก สภ.คลองหลวง มาพร้อมกันเพื่อที่จะไปส่งแฟนเพื่อน เพราะพ่อเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกและเพื่อนลูก
แต่เมื่อรถวิ่งมาถึงบริเวณถนนเลียบคลองสองฝั่งกำแพงวัดพระธรรมกาย นายรพีพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่จยย. นายลัทธพล เป็นผู้ซ้อนท้าย ขับนำรถจยย.ของเพื่อนและรถยนต์ของพ่อ ออกหน้ามา เมื่อขับลอดใต้สะพานจะใช้ถนนสายเลียบคลองสองฝั่งวัดพระธรรมกายเป็นทางชัน ประกอบกับเป็นวัยรุ่นจึงขับรถยกหน้า และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีชาย 3 คนแต่งตัวชุดดำ คนซ้อนตำแหน่งที่ 2 และ 3 สวมหมวกกันน็อคสีดำ ผู้ขับขี่ไม่สวมหมวก ใช้รถจยย.แบบออโตเมติกสีขาว ขับมาพอดี ก่อนที่คนร้ายจะขับแซงขึ้นหน้าไปเลยสะพานเอราวัณ1 ไปประมาณ 300 เมตร คนร้ายจึงวนรถจยย.กลับ แล้วตะโกนว่า "เล่นปะละ" นายลัทธพลบอกว่าเห็นท่าไม่ดี จึงให้เพื่อนขับรถหนีไป แต่คนร้ายได้ใช้มีดที่พกมาฟันเข้าที่ต้นแขนขวาของตนเองจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ตนเองจะให้เพื่อนเร่งเครื่องหนี โดยมีคนร้ายขับรถตามมา และมีพ่อของตนเองขับรถเก๋งตามมา จากนั้นเพื่อนที่ขับจยย.มาอีกคันกับแฟนได้ขับข้ามสะพานเอราวัณ2 ไป เพราะเห็นท่าไม่ดี ก่อนที่ตนเองและเพื่อนจะพยายามเร่งเครื่องหลบหนีต่อ
นายณัฏฐนันทร์ เปิดเผยต่ออีกว่า หลังจากที่ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงขับรถจยย.ที่มีแฟนซ้อนข้ามมาอีกฝั่งคลองและสังเกตการณ์ พบว่าพ่อได้ขับรถชนจยย.คนร้ายจนทำให้คนร้ายที่นั่งคนที่ 3 ตกจากท้ายรถจยย.แต่รถพ่อเพื่อนได้เกิดเสียหลักชนต้นไม้ริมทางอย่างแรง ส่วนคนร้ายได้วิ่งไปขึ้นรถจยย. เพื่อนแล้วขับหลบหนีไปทางถนนบางขัน-หนองเสือ จากนั้นตนเองก็ข้ามมาดูรถเก๋งของพ่อเพื่อนก็พบว่าทั้งหมดอัดก๊อปปี้ภายในรถติดคาซากรถ จึงรีบโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ
นายลัทธพล อายุ 17 ปี บุตรชายของผู้ตาย เมื่อทราบว่าพ่อเสียชีวิตก็เป็นลมล้มทั้งยืนจนหน่วยกู้ภัยต้องเข้าปฐมพยาบาล ก่อนจะได้สติและกล่าวว่า คู่กรณีไม่น่าใช่คนที่มาข่มขู่เพื่อนทางเฟซบุ๊กและไม่รู้ว่าเป็นใคร วันนี้เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เพราะเป็นวันพ่อ โดยพ่อมีความเป็นห่วงลูกกับเพื่อนจึงขับรถตามมาเพื่อจะไปส่งเพื่อนให้ถึงที่อย่างปลอดภัย แต่เมื่อพ่อมาเห็นตนเองถูกทำร้ายจึงพยายามเข้าขัดขวางคนร้ายจนเกิดเหตุขึ้น ทางด้าน พ.ต.ต.สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายขับผ่านและหลบหนีหลังก่อเหตุ สอบปากคำพยานบุคคลที่รอดชีวิตและใช้เทคนิคของตำรวจ ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากเหตุซึ่งหน้าที่มาเจอกับกลุ่มวัยรุ่นด้วยกันและมีการยกล้อหน้าแต่ไม่ตัดประเด็นปมเหตุอื่นทิ้ง พร้อมให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิตส่ง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อรอญาติรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป