ครูฝึกเจ้าของร้านทอง ยันลูกศิษย์ป้องกันตัวตามยุทธวิธี ขู่ 3 นัด ก่อนยิงสู้ ไม่เกินกว่าเหตุ
นายทหาร มทบ.310 ครูฝึกเจ้าของร้านทอง ยันลูกศิษย์ป้องกันตัวตามยุทธวิธี ยิงขู่ 3 นัด ตอบโต้ 1 นัด ไม่เกินกว่าเหตุ
จากกรณีที่มีคนร้าย 4 คน แต่งกายใส่เสื้อคลุมสวมหมวกอำพรางใบหน้า สวมถุงมือ และใส่รองเท้าผ้าใบทั้ง 4 คน ใช้รถยนต์จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงินจำนวน 2 กัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนบุกเข้าไปในร้านทอง ทำให้ นายพิสิฐ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงต่อสู้กับคนร้าย จนได้รับบาดเจ็บ 1 คน และตำรวจจับได้ 1 คน หนีไปได้ 2 คน จนต่อมามีข้อสงสัยว่า เจ้าของร้านจะมีความผิดฐานป้องกันเกินกว่าเหตุหรือไม่
พันตรีกิตติ เกิดผล นายทหารกองกิจการพลเรือน มทบ.310 จ.ตาก ในฐานะครูฝึกของนายพิสิฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายพิสิฐได้มาเรียนกับตนเอง 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรจากการใช้อาวุธปืนเบื้องต้นเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา และระบบต่อสู้ป้องกันตัว โดยสอนการใช้อาวุธปืนสั้น และปืนยาวทุกชนิด รวมทั้งอาวุธปืนลูกซองด้วย และไม่ได้สอนการใช้อย่างเดียว ยังสอนเรื่องกฎหมาย ความปลอดภัย หลักการใช้อาวุธต้องทำอย่างไร มีการยิงขู่ก่อน ยิงเตือน และยิงป้องกันตัว
จากที่ตนเห็นจากคลิปการต่อสู้ที่เผยแพร่ออกไปนั้น นายพิสิฐได้ทำตามขั้นตอนของหลักสูตร โดยตั้งสติแล้วบอกให้คนอื่นหลบในที่ปลอดภัย จากนั้นใช้อาวุธปืนยิงขู่นัดแรกขึ้นบนเพดาน ตามคลิป ซึ่งเป็นไปตามหลักยุทธวิธี โดยยิงขู่ไป 3 นัด และถ้าภัยนั้นยังไม่พ้นตัวก็ยิงตอบโต้ได้ สังเกตจากจุดที่รถจักรยานยนต์ของคนร้าย มีคนร้ายใช้ปืนหันมาทางนายพิสิฐ นายพิสิฐจึงยิงไปนัดที่ 4 โดยยิงผ่านกระจกไป ซึ่งอาวุธปืนลูกซองที่ยิงไป 1 นัด มีกระสุนกระจาย 9 เม็ดทำให้มีโอกาสโดนคนร้าย ส่วนการยิงเป็นการอยู่ในที่กำบังหลังเคาน์เตอร์ของร้าน ส่วนการยิงนั้น ไม่ได้เล็งประทับ ยิงเพียงระดับเอว ดูแล้วไม่ได้ยิงเพื่อหวังชีวิต ถ้ายิงเพื่อหวังชีวิต ต้องยกปืนสูง และเล็งศูนย์ระยะ 10 เม็ดนั้นจะทำให้คนร้ายตายแน่นอน
เมื่อถามว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ ในความเห็นของตนเองแล้วไม่เกินกว่าเหตุ เพราะโจรหันปืนมา จึงยิงไป และไม่ได้วิ่งไปตามไล่ไปยิงโจร ถ้าหากตามไปยิงถือว่าผิด
พันตรีกิตติ กล่าวว่า วิธีนี้การฝึกของตนเองนั้นไม่ใช่คล้ายวิธีการฝึกของเจ้าหน้าที่ทีเดียว เป็นการใช้ยุทธวิธีหลายแบบมาผสมผสานรวมกันเพื่อฝึกฝน เพราะตนเองเป็นนักกีฬายิงปืนของจังหวัดตาก และของกองทัพด้วย ส่วนการฝึกฝนนั้นมีหลักสูตรของทหารด้วย นายพิสิฐมาฝึก และปรึกษาครูฝึกตลอด โดยได้ฝึกอบรมมาประมาณ 8 ปี และไปฝึกในค่าย แรกๆ ไม่มีปืน แต่ระยะหลังเริ่มมีปืนมากขึ้น และได้ไปปรึกษาตลอด สำหรับอาวุธปืนลูกซองที่ใช้ในการป้องกันตัวครั้งนี้เพิ่งซื้อมาใช้ 2 ปีแล้ว