เอปสันชูวิสัยทัศน์ พร้อมเดินหน้าเติมรุ่นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจแน่นทั้งไลน์

เอปสันชูวิสัยทัศน์ พร้อมเดินหน้าเติมรุ่นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจแน่นทั้งไลน์

เอปสันชูวิสัยทัศน์ พร้อมเดินหน้าเติมรุ่นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจแน่นทั้งไลน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอปสันเผยวิสัยทัศน์ Epson 25 Renewed ยึดความยั่งยืนเป็นหลักสร้างธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต ตั้งเป้าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นลบในปี 2050 พร้อมย้ำเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนได้ดีกว่า ล่าสุดเติมรุ่นเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจครบทั้งไลน์ รุกชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์

มร.จุนคิชิ โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เอปสันกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับวิสัยทัศน์ขององค์กร โดยใช้ชื่อว่า Epson 25 Renewed ซึ่งระบุถึงการร่วมสร้างความยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชุมชน ผ่านการเชื่อมโยงผู้คน สิ่งของ และข้อมูล โดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมอันแข็งแกร่งของเอปสัน ที่มีทั้งประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด และความแม่นยำ ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัล เอาไว้ด้วยกัน กุญแจสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์นี้ประกอบด้วยสิ่งแวดล้อม กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) และกระบวนการร่วมคิดร่วมสร้าง โดยเอปสันให้ความสำคัญกับด้านการมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้ ซึ่งเป็นบ้านที่มีค่าที่สุดของพวกเราทุกคน”

“เป้าหมายของเอปสันคือการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบและไม่มีการใช้ทรัพยากรใต้ดินให้ได้ภายในปี 2050 โดยจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และตลอดซัพพลายเชน รวมทั้งนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนเข้ามาใช้ และลงทุนกับกระบวนการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย Decarbonization หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในโรงงานผลิตของเอปสันทั่วโลกภายในปี 2023 ด้านที่สองคือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วย Closed Resource Loop หรือการใช้ทรัพยากรแบบวงปิด โดยลดขนาดและน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ เน้นใช้วัสดุรีไซเคิล และยืดอายุการใช้งาน ด้านที่สามคือการช่วยให้ลูกค้าลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ ด้วยผลิตภัณฑ์ของเอปสันที่ถูกออกแบบให้กินไฟน้อยลง ลดจำนวนวัสดุสิ้นเปลืองและชิ้นส่วนประกอบ และด้านที่สี่ด้วยการลดของเสียที่เกิดจากการใช้เครื่องพิมพ์ระบบอนาล็อก โดยหันมาใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล ทั้งในสำนักงาน ในเชิงพาณิชย์ หรือระดับอุตสาหกรรม และสุดท้าย ซึ่งเป็นด้านที่บริษัทฯ ลงทุนมากที่สุด ก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม

“จากผลการสำรวจต่อปริมาณการใช้พลังงานของสำนักงานทั่วไปพบว่าการใช้เครื่องพิมพ์นั้นบริโภคพลังงานมากเป็นอันดับ 4 รองจากเครื่องปรับอากาศ ไฟส่องสว่าง และคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการนำเทคโนโลยี Heat-Free ที่สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้มากถึง 85% จะช่วยให้องค์กรธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นอย่างมาก เอปสันจึงได้ตัดสินใจยุติการจำหน่ายและกระจายสินค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และหันไปทุ่มเทในการพัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้มากกว่า ซึ่งในวันนี้ เอปสันมั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถครอบคลุมความต้องการงานพิมพ์ในตลาดได้อย่างครบถ้วน” มร.จุนคิชิ โยชิดะ กล่าว


ในขณะที่ มร.ซิ่ว จิน เกียด กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ตั้งแต่ปี 1982 เอปสันได้ขยายเครือข่ายและศักยภาพทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก ปัจจุบัน มีสำนักงานเปิดอยู่ใน 10 ประเทศ ภายใต้การดูแลของเอปสัน สิงคโปร์ ทั้งยังมีศูนย์โซลูชัน 6 แห่ง และโรงงานผลิต 7 แห่ง ในด้านการดำเนินนโยบายเชิงสิ่งแวดล้อม นอกจากวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบและปราศจากการใช้ทรัพยากรจากใต้ดินภายในปี 2050 แล้ว บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ลงเพื่อให้สอดคล้องกับการรณรงค์จำกัดการเพิ่มอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2030 อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติด้วยเช่นกัน”

“ดังนั้นเพื่อก้าวต่อไปบนวิสัยทัศน์นี้ เอปสันจึงขอประกาศยุติการจำหน่ายและกระจายสินค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสิ้นเดือนธันวาคมปี 2023 และจะมุ่งมั่นกับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทระบบหัวพิมพ์ Heat-Free และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนจากนี้ไป และในวันนี้ บริษัทฯ ยังจะเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ ที่จะช่วยเพิ่มทางเลือกสำหรับการพิมพ์คุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในสำนักงานและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจอีกด้วย” มร.ซิ่ว จิน เกียด กล่าว


ด้าน นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทของเอปสันที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ได้รับความนิยมอย่างมากจากทุกตลาดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ จนครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมากเป็นอันดับหนึ่งในปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ของตลาดที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย ในส่วนของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันมีสินค้าหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ระดับความเร็ว 24 หน้าต่อนาที ไปจนถึง 100 หน้าต่อนาที ทั้งแบบขาวดำและสี สำหรับ Epson WorkForce Enterprise AM-Series ที่เปิดตัวในวันนี้ เป็นเครื่องระดับกลาง ความเร็วขนาด 40-60 หน้าต่อนาที เหมาะกับสำนักงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณการพิมพ์ต่อเดือนประมาณ 10,000-20,000 แผ่น ซึ่งการเปิดตัวในวันนี้ ทำให้เอปสันสามารถครอบคลุมความต้องการใช้งานขององค์กรธุรกิจได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น”

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ Epson WorkForce Enterprise AM-Series รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วย รุ่น AM-C4000 ที่พิมพ์เร็ว 40 หน้าต่อนาที รุ่น AM-C5000 ที่พิมพ์เร็ว 50 หน้าต่อนาที และรุ่น AM-C6000 ที่พิมพ์เร็ว 60 หน้าต่อนาที ซึ่งทั้งหมดเป็นเครื่องมัลติฟังก์ชันแบบ 4 สี รองรับการพิมพ์ขนาดใหญ่สุดได้ถึง A3 โดยเครื่องพิมพ์ทั้ง 3 รุ่น ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Heat-Free ซึ่งไม่ใช้ความร้อน ใช้พลังงานต่ำ และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ รวมถึงใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ นอกจากนี้ยังถูกออกแบบระบบภายในให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาง่าย เพราะมีชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องดูแลรักษาน้อย ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงมีการออกแบบหน้าจอการใช้งาน (User Interface) แบบใหม่ และยังรองรับการตรวจสอบและบำรุงรักษาจากระยะไกลผ่าน Epson Remote Services (ERS) หรือระบบจัดการอุปกรณ์ผ่านระบบคลาวด์ของเอปสันอีกด้วย

เครื่องพิมพ์ AM-Series มีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม สามารถพิมพ์งานด้วยความเร็วสูงได้อย่างต่อเนื่อง ให้งานพิมพ์ที่คมชัด สามารถใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการเครื่องพิมพ์ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เย็บเอกสารทั้งแบบ เย็บลวด เย็บมุงหลังคา หรือชุดป้อนกระดาษความจุสูง รวมถึงอุปกรณ์เจาะรูกระดาษ นอกจากนี้เครื่องพิมพ์ยังได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีดีไซน์ที่ทันสมัย และมีขนาดที่เล็กลงเมื่อเทียบกับเครื่องรุ่นอื่น ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น

“นอกจากนี้ เอปสันยังได้นำเสนอทางเลือกการใช้งานเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ โดยนำเสนอบริการแบบระบบสมาชิก (Subscription) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานผ่านโปร Epson EasyCare 360 ที่ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์งานทั้งสีหรือหรือขาวดำ รวมถึงการบริการหลังการขายแบบ On-Site Service ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบตามความเหมาะสบกับการใช้งานของลูกค้าแต่ละราย ได้แก่ EasyCare 360 เหมา เหมา ที่ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์งานทั้งสีหรือหรือขาวดำได้สูงสุดถึง 120,000 แผ่น ในระยะเวลา 24 เดือน ด้วยการเหมาจ่ายเป็นรายเดือนเริ่มต้นที่ 790 บาท และรับเครื่องที่ใช้อยู่ไปฟรีๆ หลังหมดสัญญา หรืออีกโปรแกรม EasyCare 360 Click Charged ที่ให้ผู้ใช้งานจ่ายค่าใช้จ่ายตามการใช้งานที่ใช้งานจริง โดยสามารถเลือกทำสัญญาได้ทั้งแบบเช่าหรือแบบเช่าซื้อ” นายยรรยง กล่าว

[Advertorial] 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook