หนุ่มเมียนมาบุกเดี่ยวชิงทอง วิ่งหนีเข้าบ้านตำรวจเจ้าของตลาด สุดท้ายถูกรวบ (คลิป)
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 ธ.ค.พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน ว่า ขณะที่ ดต.ชุ่ม บุญสายัง ผบ.หมู่งานจราจร สน.บางขุนเทียน เตรียมตัวจะออกไปตั้งด่านตรวจวินัยจราจรอยู่หน้าป้อมจราจรบริเวณ สามแยกบางบอน ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ ได้มี น.ส.พิไลวรรณ อายุ 25 ปี พนักงานขายทอง ห้างทองไทยศิริ ตั้งอยู่ในตลาดนายเหลียง ห่างจากป้อมจราจ ประมาณ 30 เมตร วิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งให้ช่วยติดตามคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทองจากร้าน ได้เลทข้อมือทองคำ 5 เส้น น้ำหนัก รวม 5 บาท วิ่งหลบหนีเข้าไปในตลาดนายเหลียง โดยคนร้ายลักษณะคล้ายคนเมียนมา ใส่เสื้อยืดแขนยาวสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ สวมหน้ากากอนามัยสีดำ เดินเช้ามาภายในร้าน แล้วทำทีขอดู เลททองคำ น้ำหนัก 1 บาท แล้วลองใส่ บอกกับตนว่า ไม่ชอบ ขอดูเส้นอื่น ตนหยิบออกมาจากตู้ให้เลือกอีก 4 เส้น ช่วงจังหวะตนเผลอ คนร้ายได้คว้าเลททองคำทั้ง 4 เส้น และที่ใส่ในข้อมือ เปิดประตูวิ่งหลบหนีเข้าไปในตลาดนายเหลียง
หลังทราบ เรื่อง ดต.ชุ่ม จึงขี่ รถจยย.ออกตามหาคนร้าย จนกระทั่งพบคนร้ายรูปพรรณสันฐานตรงกับที่ได้รับแจ้ง กำลังจะวิ่งหลบหนีออกทางประตู 2 ทางด้านถนนบางบอน 1 เมื่อคนร้ายเห็นดต.ชุ่ม จึงวิ่งหลบหนีเข้าไปในตลาดอีกครั้ง ดต.ชุ่ม จึงจอดรถจยย. แล้ววิ่งไล่ตามเข้าไปในตลาด จังหวะนั้น มีพลเมืองดีชาวเมียนมา วิ่งมาบอกกับ ดต.ชุ่ม ว่ามีคนถอดเสื้อยืดแขนยาวสีขาว และกางเกงยีนส์สีดำทิ้งไว้ ในซอกอาคาร แล้วใส่เสื้อยืดสีดำวิ่งหลบหนีไป ทางท้ายตลาด ซึ่งเป็นบ้านของ พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7 เป็นเจ้าของตลาด
ดต.ชุ่ม พร้อมพลเมืองดีจึงวิ่งตามไป เห็นคนร้ายวิ่งเข้าไปภายในบ้านของ พล.ต.ต.วรายุทธ ซึ่งเปิดประตูค้างไว้ 1 บาน แล้วคนร้ายก็ปีนขึ้นไปหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ สูงราว 3 เมตร เมื่อเห็นจวนตัวไปต่อไม่ได้ คนร้ายจึงยอมลงมาจากต้นไม้ มอบตัวแต่โดยดี ทราบชื่อต่อมาคือ นายแต็ท อู อายุ 30 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเดงขาสั้นลายการ์ตูน ตรวจค้นในตัวไม่พบเลทข้อมือทองคำแต่อย่างใด สอบถามทราบว่าโยนทิ้งไว้ในโอ่งน้ำข้างบ้าน จึงไปตรวจสอบพบเลทข้อมือทองคำเพียง3เส้นเท่านั้น จึงนำตัวพร้อมของกลางไปสอบสวนที่สน.บางขุนเทียน
จากการสอบสวนนายแต็ท อู ให้การอ้างว่า ทำงานอยู่โรงงานเย็บผ้าย่านบางแค ได้เงินเดือนๆละแค่ 5 พันบาท ก่อนหน้านี้ไม่นานไปกู้เงินนอกระบบมา 7 หมื่นบาท เพื่อส่งกลับไปให้พ่อกับแม่ที่เมียนมา โดยที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 3 พันบาท เหลือเงินใช้แค่เดือนละ 2 พันบาท ไม่พอใช้ แถมถูกเจ้าหนี้โทรตามทวงทุกวัน เครียดหมดหนทางจึงลงมือก่อเหตุ โดยที่ไม่เคยมาดูลาดเลามาก่อน ส่วนเลททองอีก2บาท คาดว่าจะหล่นหายช่วงหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ
เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาวิ่งราวทรัพย์ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป