ศาลสั่งจำคุก 20 ปี ลูกสาวอาม่าฮวย ให้ชดใช้ 123 ล้าน คดียักยอกเงินแม่ 250 ล้าน
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.65 ที่ศาลอาญาพระโขนง ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดี คดีหมายเลขดำที่ อ.3228/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 3 และ อาม่าฮวย ยื่นฟ้อง ลูกสาวแท้ๆ กับพวก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัดรวม 5 คน ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์ จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาสุขุมวิท 101 และสาขาถนนศรีนครินทร์ กม.9 มูลค่าความเสียหายกว่า 250 ล้านบาท
กรณีที่นางฮวยถูกลูกสาวแท้ๆ ร่วมมือกับพนักงานแบงก์อีก 4 คน แอบโอนเงินในบัญชีออกไป ตอนที่อาม่าล้มป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้เงินในบัญชีกว่า 250 ล้าน ถูกโอนออกไปจำนวนหลายร้อยครั้ง จนหมดบัญชี โดยการพิมพ์ลายนิ้วมือจากเดิมที่เป็นลายเซ็น จึงเป็นเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเบิกถอนเงินในบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ขณะที่นางฮวยนอนป่วยอยู่ โดยคดีมีการฟ้องเมื่อช่วงปี 62
ศาลได้อ่านคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 (ลูกสาว) มีความผิด ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม และลักทรัพย์ ทั้ง 2 ข้อหารวม 84 กระทงคง จำคุก รวม 20 ปี และใช้เงินคืนแก่โจทก์ 123 ล้านบาท จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยที่ 2, 3, 5 ยกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีเกี่ยวพันกันในส่วนแพ่ง นางฮวย ยังยื่นฟ้องธนาคารกสิกรไทย จำกัด เจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย อีก 4 คน รวมถึงลูกสาวด้วยเรียกเงินคืน จำนวน 350,357,168.92 บาท ที่ศาลแพ่งพระโขนง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ.7421/2562ฯ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 ที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนจำคุก 12 ปี โดยไม่รอลงอาญาคดี ลูกสาว อายุ 56 ปี ในความผิดฐานลักทรัพย์ กรณีเมื่อปี พ.ศ.2560 ก่อเหตุทยอยถอนเงินในบัญชีกว่า 24 ล้านบาท
ประเด็นในเรื่องนี้ก็คือนางฮวยเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ในขณะที่นางฮวยมีสติสัมปชัญญะ เงื่อนไขการเบิกเงินก็คือลงลายมือชื่อธรรมดา พอนางฮวยเจ็บป่วย จำเลย ก็คือลูกสาว กับเจ้าหน้าที่ธนาคารร่วมกันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของการจ่ายเงิน จากเดิมลงลายมือชื่อเปลี่ยนเป็นการปั๊มลายนิ้วมือ หลังจากเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกจ่ายเงิน ก็มีการนำเงินของอาม่าฮวยออกจากบัญชีไป ซึ่งในลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร
ในวันนี้ ทางสำนักอัยการรวมถึงทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความนางฮวย ซึ่งเป็นโจทก์ร่วมของทางอาม่าฮวย ก็ร่วมต่อสู้คดีมาจนถึงวันนี้ ที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา นอกจากนี้ คดีนี้ยังพ่วงในส่วนคดีแพ่งด้วย
ในส่วนของคดีแพ่งฟ้องจำเลยในคดีนี้ รวมถึงทางธนาคาร ซึ่งเป็นต้นสังกัดของบัญชีนางฮวย ที่ปล่อยปละให้กระทำในลักษณะดังกล่าว ซึ่งมันอาจจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม ที่ได้รับฝากทรัพย์ของบุคคลเหล่านั้น ควรจะมีความระมัดระวังในขณะที่ตัวบุคคลเจ้าของบัญชี อยู่ในอาการที่ไม่พึงประสงค์ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ ในส่วนค่าเสียหายของคดีแพ่งนั้นเรียกตามในคดีอาญา รวม 200 กว่าล้าน