"ศรัทธา" ธวัชชัย สัจจกุล เขียนให้คุณอ่าน
ผมคงขออนุญาติ วนเวียนอยู่กับเรื่องของ "ฟุตบอลไทย" กับผลงานในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ผ่านมา อีกสัก 1 สัปดาห์ เพราะหลังจากที่เราพลาดท่าเสียทีตกรอบแรก ดูเหมือนว่ากระแสของฟุตบอลในบ้านเรายิ่งทวีคูณความรุนแรงไม่แพ้เรื่องการเมือง
ต้องบอกว่า "ฟุตบอล" เป็นเกมกีฬาที่พลิกผันผลการแข่งขันอยู่เสมอ หลายครั้งหลายหนจะเห็นว่า ทีมระดับชั้นนำสุดยอดของโลก ยังเพลี่ยงพล้ำให้กับคู่ต่อสู้ที่ต่ำชั้นกว่า
ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันจะเกิดกับทีมฟุตบอลชาติไทยของเราบ้าง
เพียงแต่การตกรอบครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ เพราะในภูมิภาคอาเซียนนี้ ประเทศไทยของเรา ประกาศความเป็นเจ้ามาแล้ว 16 ปี 8 สมัยติดต่อกัน
การตกรอบครั้งนี้ หลายคนวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา ทั้งที่บอกว่า มีระยะเวลาการเตรียมทีม การสื่อสารระหว่างนักกีฬากับโค้ชต่อกันไม่ค่อยติด หรือแม้แต่การเลือกสรรตัวผู้เล่นก็ตามที แต่นั่นคือผลพวงที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์จริงจบลงไปแล้ว
ผมเขียนเช่นนี้ อยากเป็นกำลังใจให้กับคนทำงานทุกคน หรือแม้แต่แฟนบอลชาวไทยทุกท่าน
สมาคมฟุตบอล ยังคงมีพันธกิจที่ต้องรับหน้าที่ในการเตรียมทีมฟุตบอลชาติไทยในทุกระดับ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติ ขณะที่แฟนบอลชาวไทย คงต้องเป็นนักฟุตบอลคนที่ 12 ต่อไป ตราบใดที่เรายังใช้ชื่อว่าเป็น "คนไทย"
วันนี้ สมาคมฟุตบอล เริ่มมีการขยับขยาย มีการปรับเปลี่ยนทิศทางการทำงาน ซึ่งหลายคนบอกว่า เป็นโชคดีที่เกิดขึ้นจากการตกรอบซีเกมส์ เพราะไม่เช่นนั้น สมาคมจะไม่ยอมกระดิก หรือยังทระนงตนอยู่ว่าเป็นเต้ยของอาเซียน
สมาคมฟุตบอลฯ แต่งตั้งให้ คุณวิรัช ชาญพานิชย์ มาเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมฟุตบอลชาติไทย ชุดเตรียมสู้ศึกเอเชี่ยนคัพ รอบคัดเลือก ที่จะพบกับจอร์แดน ในวันที่ 6 มกราคม
ภารกิจสำคัญเช่นนี้ ผมเชื่อว่า บางครั้งไม่ใช่แค่ฝีมือ แต่บางครั้งมันต้องพึ่งพาโชควาสนาด้วย ผมเชื่อว่า เรื่องของโชควาสนาในตัวของคุณวิรัช มีเยอะ หลายครั้งหลายคน เราเริ่มต้นไม่ดี แต่ที่สุดแล้ว ดวงพาวาสนาส่งทีมฟุตบอลชาติไทย ประสบความสำเร็จไปเสียทุกที
ขณะเดียวกัน การได้ ชัชชัย พหลแพทย์ เข้ามาช่วย ผมมั่นใจว่า น่าจะช่วยยกระดับ หรือฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับนักเตะไทยได้ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างที่กล่าวไปแต่ต้นแล้วว่า บางครั้งการมีโค้ชต่างประเทศ เรื่องของการสื่อสารมันอาจเกิดเหลี่ยมล้ำ ไม่เข้าใจกันได้ง่ายๆ ดังนั้น เมื่อได้ชัชชัย เข้ามาดูแลตรงนี้ ผมจึงมั่นใจว่าใช้คนได้ถูกงาน ถูกเวลา
วัน ที่ 6 มกราคม ที่จะถึงนี้ ผมจึงอยากเรียนเชิญไปเป็นกำลังใจให้กับทีมงาน และนักฟุตบอลทีมชาติไทยกันอีกครั้งหนึ่ง แม้จะเป็นการไปสนามราชมังคลากีฬา แบบจิตใจห่อเหี่ยวไปบ้าง แต่ผมยังเชื่อมั่น และอยากให้ทุกคนมี "ศรัทธา" ในทีมชาติไทยของเรา แม้มันจะหกล้มไปบ้าง
แต่หวังว่า นี่คือ การล้มเพื่อลุกอย่างเข้มแข็ง